ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย สร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการเดินทางเยือนเมืองมาริอูโปลของยูเครนในแคว้นโดเนตสก์ ซึ่งถูกยึดครองโดยกองกำลังของรัสเซียตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2022 โดยการเดินทางเยือนของเขามีขึ้นหลังจากที่เมื่อไม่กี่วันก่อน ศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) เพิ่งออกหมายจับฐานมีส่วนร่วมในการก่ออาชญากรรมสงคราม
สำนักข่าว TASS ของรัสเซียรายงานว่า ปูตินนั่งเฮลิคอปเตอร์ไปยังมาริอูโปล และบินเยือนพื้นที่หลายเขตของเมืองแห่งนี้เมื่อช่วงคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา (18 มีนาคม) โดยผู้นำรัสเซียได้พบปะกับผู้อยู่อาศัยในเมือง ซึ่งทหารของรัสเซียได้ช่วยสร้างที่พักอาศัยขึ้นใหม่ และรับฟังการบรรยายสรุปเกี่ยวกับการฟื้นฟูเมืองแห่งนี้จากรองนายกรัฐมนตรีมารัต คุสนูลลิน (Marat Khusnullin) แห่งรัสเซีย
การเดินทางเยือนมาริอูโปลของปูตินมีขึ้นเพียงหนึ่งวันหลังจากที่เขาเพิ่งเสร็จสิ้นภารกิจเดินทางเยือนไครเมีย ในโอกาสครบรอบ 9 ปีที่รัสเซียผนวกดินแดนแห่งนี้เข้าเป็นส่วนหนึ่งของประเทศ โดยในช่วงเวลาดังกล่าว ปูตินได้เดินทางเยือนเมืองเซวาสโตโพล ซึ่งตั้งอยู่บนชายฝั่งทะเลดำของคาบสมุทรไครเมียในวันเสาร์ ร่วมกับมิคาอิล ราซโวซาเยฟ (Mikhail Razvozhayev) ผู้ว่าการเมืองที่รัสเซียแต่งตั้งขึ้น
สื่อของรัฐบาลรัสเซียรายงานว่า ในระหว่างทริปเดินทางเยือนมาริอูโปล ปูตินได้ไปเยี่ยมย่านที่อยู่อาศัยแห่งใหม่ที่กองทัพรัสเซียสร้างขึ้น โดยมีคนกลุ่มแรกย้ายเข้ามาเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว พร้อมถามประชาชนว่า “คุณอยู่ที่นี่ใช่ไหม ชอบหรือเปล่า” ขณะที่ผู้หญิงคนหนึ่งกล่าวว่า “ชอบมาก มันคือสวรรค์เล็กๆ ที่เรามีอยู่ที่นี่ตอนนี้” ส่วนคุสนูลลินกล่าวว่า ประชาชนบางส่วนเริ่มกลับมาอยู่อาศัยที่เมืองนี้กันอีกครั้งแล้ว
ก่อนที่รัสเซียจะเปิดฉากสงครามในยูเครน เมืองมาริอูโปลมีประชาชนอยู่ราว 500,000 คน และเป็นที่ตั้งของหนึ่งในโรงงานเหล็กที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปอย่างอาซอฟสตาล (Azovstal) ซึ่งทหารของยูเครนใช้หลบซ่อนตัวอยู่ในอุโมงค์ใต้ดินและหลุมหลบภัยเป็นเวลาหลายสัปดาห์ ก่อนที่จะถูกบังคับให้ยอมจำนน
สำหรับประเด็นการออกหมายจับนั้น ปูตินยังไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นใดๆ ต่อสาธารณะ ขณะที่โฆษกทำเนียบเครมลินกล่าวว่า คำตัดสินดังกล่าว ‘ถือเป็นโมฆะ’ และ ‘เป็นเรื่องที่ไม่อาจรับได้’
ด้านกระทรวงกลาโหมยูเครนได้กล่าวโจมตีว่า การเดินทางเยือนมาริอูโปลของปูตินที่เกิดขึ้นในเวลากลางคืน ไม่ต่างอะไรกับการกระทำของโจร
“สมกับที่เป็นโจร ปูตินเดินทางเยือนเมืองมาริอูโปลของยูเครนในช่วงเวลากลางคืน ประการแรกเพราะมันปลอดภัยกว่า ขณะเดียวกัน ความมืดยังเปิดโอกาสให้เขาเน้นสิ่งที่ตัวเองอยากจะแสดงได้ และยังช่วยบดบังสภาพของเมืองที่ถูกทหารของรัสเซียทำลายย่อยยับให้รอดพ้นจากสายตาผู้คน”
ภาพ: VGTRK / POOL / AFP
อ้างอิง: