ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ควบคุมชายแดนที่ติดกับยูเครนอย่างเข้มงวด หลังเกิดเหตุโดรนบุกโจมตีหลายลำ โดยลำหนึ่งตกห่างจากกรุงมอสโกไปทางตะวันออกเฉียงใต้เพียง 100 กิโลเมตรเมื่อวานนี้ (28 กุมภาพันธ์) ซึ่งถือเป็นความท้าทายใหม่ที่รัสเซียกำลังเผชิญในสงครามกับยูเครนที่ดำเนินสู่ปีที่ 2
นอกจากนี้ทางการยังปิดน่านฟ้าในเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ทางตอนเหนือของรัสเซีย เพื่อเฝ้าระวังการโจมตีจากโดรน โดยรายงานข่าวระบุว่า โดรนอีกสองลำถูกยิงตกในพื้นที่ทางใต้ของรัสเซีย
อังเดร โวโรบยอฟ ผู้ว่าการแคว้นมอสโกระบุในแถลงการณ์ว่า “สำหรับกรณีโดรนตกในเขตโคลอมนานั้น เป้าหมายน่าจะเป็นโครงสร้างพื้นฐานของพลเรือน ซึ่งไม่ได้รับความเสียหาย” นอกจากนี้ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตด้วย
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ไม่ได้ให้รายละเอียดว่าโครงสร้างพื้นฐานแห่งใดที่ตกเป็นเป้าหมายโจมตี แต่ Gazprom บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานของรัสเซียมีโรงงานแห่งหนึ่งตั้งอยู่ใกล้กับหมู่บ้านกูบาสโตโวซึ่งเป็นจุดที่โดรนตก
ด้านเจ้าหน้าที่ยูเครนไม่ได้ออกมายอมรับว่าการโจมตีด้วยโดรนครั้งนี้เป็นฝีมือของฝั่งยูเครน โดยที่ผ่านมายูเครนมักหลีกเลี่ยงที่จะยอมรับโดยตรงถึงการโจมตีเป้าหมายในรัสเซียครั้งก่อนๆ
อย่างไรก็ตาม ภาพถ่ายของโดรนบ่งชี้ว่าเป็นโดรนแบบที่ผลิตในยูเครน ซึ่งมีพิสัยบินไกลมากถึง 800 กิโลเมตร แต่ไม่สามารถบรรทุกวัตถุระเบิดได้มาก
โดยวานนี้กองทัพรัสเซียได้ยิงโดรนลำหนึ่งตกในแคว้นเบรียนสก์ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของรัสเซีย ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากชายแดนยูเครน-เบลารุส โดยเหตุการณ์ดังกล่าวไม่มีผู้เสียชีวิต
เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นรายงานว่า โดรน 3 ลำยังกำหนดเป้าหมายโจมตีแคว้นเบลโกรอดของรัสเซีย ใกล้พรมแดนของยูเครน ในคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา (27 กุมภาพันธ์) โดยลำหนึ่งบินผ่านหน้าต่างอพาร์ตเมนต์ในเมืองเบลโกรอด เมืองหลวงของแคว้นดังกล่าว ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองคาร์คิฟของยูเครนไปทางเหนือประมาณ 80 กิโลเมตร โดย เวียเชสลาฟ กลัดคอฟ ผู้ว่าเบลโกรอด กล่าวว่า โดรนหลายลำสร้างความเสียหายเล็กน้อยต่ออาคารและรถยนต์
กระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุว่า ยูเครนใช้โดรนโจมตีสิ่งปลูกสร้างในแคว้นคราสโนดาร์ และสาธารณรัฐอะดีเกยาที่อยู่ติดกัน ซึ่งโดรนเหล่านั้นถูกทำให้ตกโดยใช้สงครามอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีลำหนึ่งถูกคลื่นหันเหออกจากเส้นทางการบินและพลาดเป้าหมายโครงสร้างพื้นฐานที่กำหนด
ภาพ: Gavriil GRIGOROV / SPUTNIK / AFP
อ้างอิง: