เกิดอะไรขึ้น:
วันที่ 28 เมษายน 2565 บมจ.ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) รายงานกำไรสุทธิ 1Q65 ลดลง 8.8%YoY และ 1.2%QoQ สู่ 1.05 หมื่นล้านบาท โดยกำไรจากการดำเนินงานสุทธิเติบโต 120.7%YoY และ 10.1%QoQ สู่ 1.88 หมื่นล้านบาท เพราะราคาขายเฉลี่ย (ASP) สูงขึ้น โดยได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันระดับสูง และต้นทุนต่อหน่วยที่ลดลง ขณะที่กำไรสุทธิได้รับผลกระทบจากขาดทุนจากสัญญาประกันความเสี่ยงราคาน้ำมันจำนวนมากถึง 240 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ด้านปริมาณขายใน 1Q65 เพิ่มขึ้น 11.6%YoY และ 1.5%QoQ สู่ 427KBOED ต่ำกว่าที่บริษัทตั้งเป้าไว้ก่อนหน้านี้อยู่เล็กน้อย เพราะ PTT เรียกรับก๊าซจากโครงการบงกชลดลง แต่ได้รับการชดเชยจากปริมาณการผลิตตามสัญญาที่สูงขึ้นจากโครงการอาทิตย์ เพื่อชดเชยการผลิตก๊าซที่ลดลงที่โครงการเอราวัณ ซึ่งก็ช่วยหนุนให้ปริมาณขายจากประเทศไทยเพิ่มขึ้น 3%QoQ แม้ว่ายังลดลง 4%YoY โครงการ Oman Block 61 และ Malaysia Sabah H ช่วยหนุนให้ปริมาณขายเพิ่มขึ้น YoY หลังจากเริ่มผลิตก๊าซในปลาย 1Q64
ส่วนราคาน้ำมันที่สูงขึ้นหนุนให้ราคาขายเฉลี่ย (ASP) เพิ่มขึ้น 14.1%YoY และ 4.9%QoQ สู่ 51.35 ดอลลาร์สหรัฐต่อ boe โดยได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบดูไบที่เพิ่มขึ้น 63%YoY และ 25%QoQ ซึ่งก็ช่วยหนุนให้ราคาก๊าซปรับขึ้นสู่ 6.07 ดอลลาร์สหรัฐต่อ MMBtu ดีกว่าเป้าของบริษัทที่วางไว้
นอกจากนี้ PTTEP ยังกล่าวด้วยว่าราคาก๊าซเฉลี่ยในปี 2565 จะสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ หากราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยยืนอยู่ที่ 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อ bbl เทียบกับระดับที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 67 ดอลลาร์สหรัฐต่อ bbl เนื่องจากราคาน้ำมันดิบดูไบที่เพิ่มขึ้นทุกๆ 1 ดอลลาร์สหรัฐต่อ bbl จะหนุนให้ราคาก๊าซเพิ่มขึ้น 0.015 ดอลลาร์สหรัฐต่อ MMBtu ดังนั้นราคาก๊าซเฉลี่ยในปี 2565 จะเพิ่มขึ้นสู่ 6.3-6.4 ดอลลาร์สหรัฐต่อ MMBtu จากเป้าที่บริษัทวางไว้ก่อนหน้านี้ที่ 5.9 ดอลลาร์สหรัฐต่อ MMBtu
สำหรับการขาดทุนจากสัญญาประกันความเสี่ยงราคาน้ำมันจำนวนมากใน 1Q65 น่าจะเลวร้ายที่สุด โดยราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นแรงใน 1Q65 จากความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ทวีความรุนแรงขึ้น ส่งผลกระทบให้กำไรสุทธิของ PTTEP ลดลงใน 1Q65 สืบเนื่องมาจากการทำสัญญาประกันความเสี่ยงราคาน้ำมันจำนวน 15.4 ล้านบาร์เรล (~30% ของปริมาณขายผลิตภัณฑ์เหลว (น้ำมันดิบและคอนเดนเสท) ที่บริษัทตั้งเป้าไว้) ขาดทุนจากสัญญาประกันความเสี่ยงราคาน้ำมันทั้งหมดที่ 240 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
กระทบอย่างไร:
ในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2565 ณ เวลา 12.30 น. ราคาหุ้น PTTEP ปรับตัวขึ้น 1.69%DoD สู่ระดับ 150.50 บาท ขณะที่ SET Index ที่ปรับตัวขึ้น 0.04%DoD สู่ระดับ 1,668.47 จุด
แนวโน้มผลประกอบการในปี 2565:
SCBS ประเมินกำไรสุทธิ 1Q65 จะเป็นจุดต่ำสุดของปีนี้ โดยเชื่อว่า PTTEP จะได้รับประโยชน์จากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นในช่วงที่เหลือของปี และคงประมาณการกำไรปี 2565 ไว้ที่ 6.18 หมื่นล้านบาท (เพิ่มขึ้น 59%YoY) สะท้อนถึงกำไรสุทธิ 1.7 หมื่นล้านบาทต่อไตรมาส ใน 2Q-4Q65 ซึ่ง PTTEP น่าจะทำได้เมื่อพิจารณาจากกำไรจากการดำเนินงานสุทธิ 1.88 หมื่นล้านบาทใน 1Q65
และเชื่อว่า PTTEP จะได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากราคาขายเฉลี่ย (ASP) ที่สูงขึ้นตั้งแต่ 2Q65 เป็นต้นไป เนื่องจากสัญญาประกันความเสี่ยงมีการ Mark to Market ใน 1Q65 เรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ดี Upside ถัดไปต่อผลประกอบการ คือ การผลิตจากโครงการ G1/61 (เดิมคือเอราวัณ) หลังจากบริษัทเริ่มดำเนินการภายใต้สัญญา PSC ฉบับใหม่ในเดือนเมษายน 2565 ในขณะที่ปัจจัยเสี่ยงต่อประมาณการที่ต้องติดตาม คือ 1. ราคาน้ำมันดิบผันผวน 2. ต้นทุนต่อหน่วยสูงกว่าคาด และ 3. ขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
- Twitter: twitter.com/standard_wealth
- Instagram: instagram.com/thestandardwealth
- Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP