เกิดอะไรขึ้น:
เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ บมจ.ปตท. (PTT) รายงานกำไรสุทธิ 4Q64 จำนวน 2.75 หมื่นล้านบาท (เพิ่มขึ้น 109%YoY และ 16%QoQ) โดยได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น (ช่วยสนับสนุนธุรกิจ E&P และธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน) และส่วนแบ่งกำไรที่ดีขึ้นจากบริษัทร่วมที่ประกอบธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน เพราะ Market GRM กว้างขึ้น ซึ่งปัจจัยเหล่านี้หนุนให้กำไรจากการดำเนินงานสุทธิเพิ่มขึ้น 95%YoY และ 68%QoQ สู่ 3.04 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้กำไรสุทธิยังได้แรงหนุนจากกำไรอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 5.1 พันล้านบาท แม้ว่าจะถูกหักล้างโดยรายการพิเศษอื่นๆ ส่วนกำไรทั้งปี 2564 เพิ่มขึ้น 187%YoY สู่ 1.083 แสนล้านบาท หลักๆ ได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันและส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้น และกำไรสต๊อกจำนวนมากถึง 4.6 หมื่นล้านบาท ราคาน้ำมันและผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่ดีช่วยสนับสนุนกำไรจากธุรกิจ E&P และบริษัทร่วมที่ประกอบธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน โดยกำไรจากการดำเนินงานของธุรกิจ E&P เติบโต 45%QoQ เพราะราคาขายเฉลี่ยและปริมาณการขายสูงขึ้น
นอกจากนี้ Market GRM ก็ปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยได้แรงหนุนจากภาวะอุปสงค์และอุปทานในตลาดโลกที่ตึงตัว อย่างไรก็ตาม ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมที่ประกอบธุรกิจปิโตรเคมีได้รับผลกระทบจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่อ่อนแอลง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์
ขณะที่ความต้องการใช้ก๊าซจากโรงไฟฟ้าชะลอตัวใน 4Q64 โดยปริมาณการขายก๊าซลดลง 2%YoY และ QoQ จากความต้องการใช้ก๊าซในการผลิตไฟฟ้าที่ลดลง โดยเฉพาะ กฟผ. (ลดลง 18%YoY และ 8%QoQ) ส่วนปริมาณการขายของโรงแยกก๊าซ (GSP) ก็ลดลง 6%YoY และ 3%QoQ จากอุปทานก๊าซจากอ่าวไทยที่ลดลง หลักๆ จากแหล่งเอราวัณ ซึ่งสัมปทานจะหมดอายุในเดือนเมษายน 2565 กำไรจากการดำเนินงานจากธุรกิจก๊าซลดลง 23%QoQ เพราะต้นทุนวัตถุดิบก๊าซสูงขึ้นและความต้องการลดลง รวมถึงรายการพิเศษ (ค่าใช้จ่ายส่งคืนผลประโยชน์ Take or Pay แหล่งก๊าซฯ เมียนมาแก่ภาครัฐจำนวน 2.7 พันล้านบาท)
ส่วนกำไรของธุรกิจน้ำมันเพิ่มขึ้น QoQ แม้ตรึงราคาน้ำมันดีเซล การผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในเดือนพฤศจิกายน 2564 หนุนให้ปริมาณการขายโดยรวมของธุรกิจน้ำมันเพิ่มขึ้น 24%QoQ และผลักดันให้ส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจนี้เพิ่มขึ้น 10%QoQ ซึ่งกำไรน่าจะดีกว่านี้หากค่าการตลาดไม่ได้รับผลกระทบจากการตรึงราคาน้ำมันดีเซลไว้ที่น้อยกว่า 30 บาทต่อลิตร ตามที่ภาครัฐขอความร่วมมือเพื่อลดต้นทุนการขนส่งของภาคธุรกิจ และอัตรากำไรขั้นต้นจากการขายปลีกน้ำมันลดลงจาก 1.09 บาทต่อลิตร ใน 3Q64 สู่ 0.98 บาทต่อลิตร ซึ่งได้รับการชดเชยบางส่วนจากกำไรสินค้าคงคลัง
กระทบอย่างไร:
วันนี้ (18 กุมภาพันธ์ ณ เวลา 12.30 น.) ราคาหุ้น PTT ปรับตัวลดลง 0.63%DoD อยู่ที่ระดับ 39.75 บาท แย่กว่า SET Index ที่ปรับตัวขึ้น 0.06%DoD สู่ระดับ 1,712.66 จุด
มุมมองต่อผลประกอบการและการเติบโตในปี 2565:
SCBS ประเมินผลประกอบการ 4Q64 ออกมาเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ ในขณะที่มองแนวโน้มกำไรสุทธิในปี 2565 จะอ่อนตัวลง เนื่องจากจะไม่มีกำไรสต๊อกจำนวนมากเหมือนในปี 2564 เกิดขึ้นอีก แม้ว่ากำไรจากการดำเนินงานสุทธิจะยังคงเพิ่มขึ้น YoY เพราะราคาน้ำมันแข็งแกร่งและธุรกิจส่วนใหญ่ฟื้นตัวสู่ระดับก่อนเกิดโควิด
โดยกำไรจากการดำเนินงานที่จะปรับตัวดีขึ้นอีกในปี 2565 เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันจะฟื้นตัวหลังจากกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนผลการดำเนินงานของธุรกิจน้ำมันที่ได้รับผลกระทบจากความต้องการใช้น้ำมันระดับต่ำในปี 2564
ขณะที่ Market GRM ที่ดีขึ้นจะช่วยสนับสนุนผลการดำเนินงานของบริษัทร่วมในธุรกิจ P&R อย่างต่อเนื่อง แม้อาจถูกลดทอนลงบางส่วนโดย Crude Premium ที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญยังคงเป็นความผันผวนของราคาน้ำมันซึ่งอาจทำให้มีขาดทุนสต๊อกจำนวนมาก แต่มองว่าไม่น่าจะเกิดขึ้น ทั้งนี้ SCBS ประเมินราคาเป้าหมายอ้างอิงวิธี Sum-of-parts ไว้ที่ 50 บาท โดยมี Upside จากราคาปัจจุบันที่ 26%
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
- Twitter: twitter.com/standard_wealth
- Instagram: instagram.com/thestandardwealth
- Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP