หุ้น บมจ.พี.เอส.พี.สเปเชียลตี้ส์ หรือ PSP เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วันนี้ (30 กรกฎาคม) เป็นวันแรก ราคาเปิดการซื้อขายที่ 9.4 บาท เพิ่มขึ้น 3.2 บาท หรือ 51.61% จากราคาจองซื้อ IPO ที่ 6.2 บาท
PSP เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายใน SET ในกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม หมวดธุรกิจวัสดุอุตสาหกรรมและเครื่องจักร ด้วยมูลค่าระดมทุน 2,170 ล้านบาท และมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 8,680 ล้านบาท
PSP ประกอบธุรกิจรับผลิตและกระจายสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นให้แก่กลุ่มลูกค้าซึ่งเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมต่างๆ ทั้งในระดับประเทศและระดับสากล โดยบริษัทให้บริการแบบครบวงจร ตั้งแต่พัฒนาผลิตภัณฑ์ จัดหาวัตถุดิบ ออกแบบผลิตภัณฑ์ ผลิตผลิตภัณฑ์ บรรจุผลิตภัณฑ์ การจัดเก็บและกระจายสินค้า ให้บริการด้านโลจิสติกส์และธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ยังพัฒนาและผลิตผลิตภัณฑ์พิเศษ (Specialty Products) เช่น น้ำมันผสมยาง (Rubber Process Oil) น้ำมันหม้อแปลง (Transformer Oil) ให้บริการศูนย์กระจายน้ำมันเชื้อเพลิง (Terminalling) เป็นตัวแทนจำหน่ายสารเติมแต่งแบรนด์ Chevron Oronite ในประเทศไทย กัมพูชา และลาว และเป็นตัวแทนจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในสินค้าของ Authentix ในประเทศไทย
PSP มีทุนจดทะเบียนชำระแล้วหลัง IPO 1,400 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิมจำนวน 1,050 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 350 ล้านหุ้น โดยการเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนครั้งแรกนี้เป็นการเสนอขายจำนวนรวมไม่เกิน 350 ล้านหุ้น โดยเสนอขายต่อบุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ ผู้มีอุปการคุณของบริษัท รวมถึงกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัท และบริษัทย่อย
โดยมี บล.บัวหลวง เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และมี บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) และ บล.กสิกรไทย เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายร่วม
สินธุ์ ครองพาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พี.เอส.พี.สเปเชียลตี้ส์ เปิดเผยว่า บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ไปพัฒนาประสิทธิภาพกระบวนการผลิตเพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน และชำระคืนเงินกู้ยืมสถาบันการเงิน ส่วนที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานของบริษัท
ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่ต่ำกว่า 35% ของกำไรสุทธิจากงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และภายหลังการจัดสรรทุนสำรองตามที่กำหนดไว้ตามกฎหมายและข้อบังคับของบริษัท ทั้งนี้ อาจพิจารณาจ่ายเงินปันผลแตกต่างไปจากนโยบายที่กำหนดไว้ได้ ขึ้นอยู่กับผลประกอบการ สภาพคล่องทางการเงิน และความจำเป็นในการใช้เงินทุนหมุนเวียนเพื่อบริหารกิจการ และแผนการขยายธุรกิจในอนาคต รวมถึงภาวะเศรษฐกิจ
PSP มีผู้ถือหุ้นใหญ่หลัง IPO คือ กลุ่มครอบครัวครองพาณิชย์ ถือหุ้นทั้งทางตรงและทางอ้อมรวม ร้อยละ 41.7% กลุ่มครอบครัวติงธนาธิกุล ถือหุ้น 9.9% และ เพิ่มศักดิ์ โกศลพันธุ์ ถือหุ้น 7%