วันนี้ (2 เมษายน) ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้เดินทางลงพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อตรวจเยี่ยมพื้นที่พร้อมมอบนโยบายการดำเนินงานรองรับสถานการณ์ไม่สงบในประเทศเพื่อนบ้าน ที่อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคง ความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ตามแนวชายแดน โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ยังมีการระบาดของโรคโควิด-19
ทั้งนี้อนุทินได้เดินทางไปยังโรงพยาบาลแม่สะเรียง อำเภอแม่สะเรียง เพื่อมอบวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จำนวน 2,000 โดส เพื่อให้โรงพยาบาลกระจายฉีดให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ บุคลากรด่านหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่กับผู้อพยพลี้ภัย
ไตรศุลีกล่าวว่า อนุทินได้พบปะผู้บริหารจังหวัดแม่ฮ่องสอน อำเภอแม่สะเรียง เพื่อมอบนโยบายการดำเนินงานเพื่อรองรับสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศเพื่อนบ้านและเยี่ยมผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ไม่สงบในประเทศเพื่อนบ้านที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลแม่สะเรียง
อนุทินได้กล่าวระหว่างการพบปะให้นโยบายทั้งบุคลากรด้านสาธารณสุขและความมั่นคงว่า การเดินทางมายังจังหวัดแม่ฮ่องสอนครั้งนี้นอกจากจะได้มอบวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 และอุปกรณ์ป้องกันโรคแล้ว ยังได้นำความปรารถนาดีและความห่วงใยจาก พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มาถึงเจ้าหน้าที่ทุกคน เพื่อเป็นกำลังแก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่เพื่อมนุษยธรรม เพื่อนบ้านที่หนีภัยความไม่สงบเข้ามายังประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม การปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว ทั้งบุคลากรด่านหน้าและประชาชนในพื้นที่ต้องปลอดภัยด้วย เพราะในประเทศเพื่อนบ้านขณะนี้ยังคงมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อยู่มาก ผู้ที่หลบหนีเข้ามาอาจจะมีผู้ที่ติดเชื้อ ทั้งหมดต้องได้รับการดูแลอย่างเป็นระบบและรัดกุม จึงเป็นที่มาที่รัฐบาลจัดสรรวัคซีนมาให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ และพร้อมสนับสนุนในประเด็นที่มีการร้องขอเข้ามายังส่วนกลางต่อไป
ทั้งนี้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่จัดสรรให้พื้นที่อำเภอแม่สะเรียง 2,000 โดสครั้งนี้เป็นวัคซีนของ Sinovac ซึ่งอนุทินให้นโยบายให้บุคลากรผู้ปฏิบัติงานกับผู้ลี้ภัยให้เร่งฉีดวัคซีนให้เร็วที่สุดเพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน สามารถปฏิบัติหน้าที่อย่างปลอดภัย พร้อมกับให้ความมั่นใจว่าฉีดวัคซีนแล้วปลอดภัย เพราะอนุทินก็ฉีดวัคซีนของ Sinovac ครบทั้ง 2 โดส และไม่มีอาการข้างเคียงแต่อย่างใด
ไตรศุลีกล่าวว่า หลังจากนั้นอนุทินได้เดินทางไปยังโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลแม่สามแลบ อำเภอสบเมย เพื่อตรวจเยี่ยมรับฟังปัญหา ผลกระทบทางด้านสาธารณสุขจากความไม่สงบในประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อเป็นข้อมูลการกำหนดนโยบายรวมถึงการสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่ที่ดูแลประชาชนในพื้นที่ต่อไป
ด้าน ชนก มากพันธุ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน รายงานในที่ประชุมกับรอนุทินว่าจังหวัดแม่ฮ่องสอน แบ่งการบริหารเป็น 7 อำเภอ โดยมีพื้นที่ติดต่อกับเมียนมาทางบก 326 กิโลเมตร และทางน้ำ 157กิโลเมตร ตั้งแต่วันที่ 11 มีนาคม-1 เมษายน 2564 มีผู้ลี้ภัยจากความไม่สงบในเมียนมาเข้ามา 4,297 คน และเดินทางกลับประเทศแล้ว 2,680 คน ส่วนที่เหลือพักอยู่ ณ พื้นที่จุดแรกรับ ตามแนวชายแดนริมแม่น้ำสาละวิน
ส่วนในพื้นที่ชั้นใน ขณะนี้ไม่มีการเคลื่อนไหวทางการเมืองของชาวเมียนมาในพื้นที่พักพิงทั้ง 4 จุด ในอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน อำเภอขุนยวม และอำเภอสบเมย โดยข้อกังวลหลักของจังหวัดในสถานการณ์ขณะนี้คือปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งต้องการการสนับสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์และเวชภัณฑ์จากส่วนกลาง
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
