‘เพราะทุกความปวด คือความภูมิใจที่ได้ลงมือทำ’ ถอดรหัสแคมเปญ ProudToPain

แม้ความเจ็บปวดจะเป็นสิ่งที่ทุกคนไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เชื่อว่าทุกคนล้วนมีประสบการณ์เจ็บปวดทั้งกายและใจ จนบางครั้งรู้สึกท้อ และทำให้ความตั้งใจที่เคยมีสั่นคลอน

แต่ถ้าลองหลับตาและมองย้อนกลับไป เราจะพบว่า ‘ความเจ็บปวด’ เป็นเหมือนระหว่างทางที่ทำให้รู้ว่าเราเคยพยายายามแค่ไหน อดทนมากเพียงใด หรือแม้แต่หากไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ความเจ็บปวดก็ทำให้เราภูมิใจได้ว่าครั้งหนึ่งเคยทำมันอย่างเต็มที่

และนี่คือจุดเริ่มต้นของแคมเปญ ‘ProudToPain ภูมิใจที่ได้ปวดกับ Counterpain ที่ชวนให้ภูมิใจในความปวดที่ได้ลงมือทำ

Counterpain เข้าใจความเจ็บปวดเป็นอย่างดี และมองว่าเป็นประสบการณ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แคมเปญนี้จึงชวนเปลี่ยนมุมมองจากการ ‘มองข้ามความเจ็บปวด’ ไปสู่การ ‘ยอมรับความเจ็บปวด’ ในฐานะร่องรอยของความพยายาม หลักฐานว่าร่างกายกำลังทำงาน ใจยังไม่ถอย และยังเดินหน้าอย่างสุดความสามารถ

เล่าผ่านหัวใจของคนเจนใหม่

Counterpain เลือกวิธีสื่อสารแคมเปญนี้ด้วย Emotional Marketing ชวนมองความเจ็บปวดผ่านหลากหลายเรื่องราวที่ตรงกับอินไซต์ของคนรุ่นใหม่

โดยเฉพาะกลุ่มคนเจนใหม่ที่มองความเหนื่อยและความเจ็บปวด เป็นส่วนหนึ่งของการเติบโต เห็นได้จากวัฒนธรรมการวิ่งมาราธอน การทำงานอย่างเต็มที่ หรือการผลักตัวเองเพื่อเป้าหมายส่วนตัว จนทำให้ Pain = Pride กลายเป็นอินไซต์ ที่ทรงพลังและสะท้อนตัวตนของคนรุ่นนี้อย่างชัดเจน

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ บาส Go Went Go ครีเอเตอร์สายท่องเที่ยวที่ใช้ร่างกายอย่างหนัก ทั้งการแบกอุปกรณ์ถ่ายภาพ การก้มหน้าถ่ายภาพเป็นพันครั้งต่อวัน เดินวันละหลายหมื่นก้าว แต่สุดท้ายความเจ็บปวดเหล่านั้น กลายมาเป็นความภูมิใจ เพราะพาเขาไปพบวิวสวย ๆ และได้เก็บภาพมากมายมาให้ผู้ชมได้เห็น

ในอีกมุมหนึ่ง ฟรัง-นรีกุล เกตุประภากร แพทย์หญิง นักแสดง และนักธุรกิจ ถ่ายทอดชีวิตที่มี ‘หลายบทบาทในคนคนเดียว’ ความเจ็บปวดของเธอไม่ใช่แค่ปวดกล้ามเนื้อเมื่อเรียนหนักหรือทำงานต่อเนื่อง แต่รวมถึงความกดดัน ความคาดหวัง และภาระหน้าที่ที่ซ่อนอยู่ใน ‘ห้องหนึ่ง’ ของชีวิตที่ไม่ค่อยมีใครมองเห็น ฟรังเชื่อว่าความเจ็บปวดเหล่านี้คือบทเรียนสำคัญ ที่หล่อหลอมให้เธอแข็งแรงขึ้น และเป็นเธอในวันนี้

ขณะที่ Jaylatofit ตัวแทนของคนรักการออกกำลังกาย พูดถึง ‘ความเจ็บปวดที่เลือกเอง’ เขาหลงรักการวิ่งทั้ง ๆ ที่รู้ว่าจะต้องเจ็บตัวแน่นอน แต่ทุกครั้งที่ถึงเส้นชัยกลับทำให้หัวใจพองโต เพราะรู้สึกว่าได้เอาชนะใจตัวเองและอยากตื่นมาสู้ต่อ

และสุดท้ายเป็นเรื่องของ โต้-เมธาสิทธิ์ หรือ Moowan โปร RoV ที่ก้าวมาจากโลกที่ผู้ใหญ่หลายคนไม่เข้าใจ การถูกตั้งคำถาม การถูกมองข้าม และแรงกดดันจากความคาดหวังล้วนเป็นความเจ็บปวด แต่เขาภูมิใจที่ยังยืนอยู่ในเส้นทางนี้ได้ และพิสูจน์ให้เห็นว่าความพยายามที่เจ็บปวด ก็สร้างเส้นทางอาชีพที่ยิ่งใหญ่ได้ไม่แพ้อาชีพไหน

สร้าง Emotional Value ให้คนนึกถึง

เรื่องราวทั้งหมดในแคมเปญสะท้อนว่าแม้ความเจ็บปวดมีหลายรูปแบบ แต่แก่นแท้ร่วมกันคือทำให้เรามองเห็น ‘คุณค่าของความพยายาม’ ที่ซ่อนอยู่ในทุกความเจ็บปวด ความพยายามที่ทำให้เราเติบโต ทำให้เกิดผลลัพธ์บางอย่างขึ้นจริง หรือหล่อหลอมให้เราเป็นตัวเราในทุกวันนี้

และเมื่อแบรนด์เลือกเล่าความเจ็บปวดในมิติใหม่ ให้มีความหมายที่ลึกถึงจิตใจมากกว่าความหมายเชิงกายภาพ Counterpain จึงสามารถสร้าง Emotional Value ที่ยั่งยืน และทำให้ ผู้บริโภคไม่เพียงจดจำแบรนด์เฉพาะวันที่เจ็บ แต่จะนึกถึงแม้ในวันที่รู้สึกภูมิใจในตัวเอง

สิ่งสุดท้ายที่ Counterpain อยากบอก

ในแง่มุมสุดท้าย แคมเปญ ProudToPain เปรียบเสมือนการตบบ่าเบา ๆ บอกเราว่า
‘แค่นี้ก็เก่งมากแล้ว’ จงภูมิใจกับทุกความเจ็บปวด ทุกความเมื่อยล้า และทุกความหนักหนา รวมถึงชี้ให้เห็นว่า ‘ร่างกายสำคัญพอ ๆ กับจิตใจ’ เพราะไม่ว่าใจจะเข้มแข็งแค่ไหน หากร่างกายไม่ไหว ทุกความตั้งใจก็อาจเป็นไปไม่ได้

และสุดท้ายไม่ว่าจะเลือกเดินในเส้นทางไหน Counterpain ก็ยังอยู่เคียงข้างในวันที่ร่างกายอ่อนล้า ช่วยบรรเทาความปวด และซัพพอร์ตให้กายและใจยังไปต่อได้เสมอ