วันนี้ (9 พฤศจิกายน) กลุ่มภาคีเครือข่ายปกป้องสถาบัน จัดกิจกรรม ‘เมื่อสถาบันโดนจาบจ้วง เราชาวรามฯ ไม่ยอม’ ที่ลานพ่อขุน มหาวิทยาลัยรามคำแหง ประกอบไปด้วยกิจกรรมแสดงคอนเสิร์ต การปราศรัย และการจัดแสดงงานวิชาการเกี่ยวกับศาสตร์พระราชา เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชน
ขณะที่บนเวทีมี สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม อดีตผู้บริหารเครือเนชั่น ขึ้นเวทีปราศรัย โดยเริ่มต้นด้วยการกล่าวถึงอดีตการเป็นนักศึกษาของตนเอง พร้อมทั้งระบุว่า ม็อบนักศึกษาเป็นม็อบที่ไม่มีความคิดอ่าน มีคนซ่อนเร้นตัวอยู่ข้างหลัง นั่นคือ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
ส่วนคำถามที่ว่าทำไมธนาธรไม่ยอมออกหน้า เพราะธนาธรมีธุรกิจอยู่ในจีน มีมูลค่ากว่า 8 พันล้าน แล้วม็อบก็มีอเมริกาเป็นผู้สนับสนุน โดยมีการสร้างข้อมูลเพื่อให้เกิดเป็นปรากฏการณ์ ‘อาเซียนสปริง’ นอกจากนี้ยังได้กล่าวถึง ชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งเป็นเครือข่ายที่มีการโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยมีลูกศิษย์อย่าง ธนาธร, ปวิน เป็นต้น
ขณะที่ ทินกร ปลอดภัย แกนนำกลุ่มอาชีวะปกป้องสถาบัน เผยว่า “สถานการณ์เมื่อวานนี้ (8 พฤศจิกายน) น้องๆ กลุ่มราษฎร ไปที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยแล้วเคลื่อนไหวไปหน้าพระราชวัง ถ้าเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นต่อไป พวกเราจะไปด้วย จะไปต่อต้านข้างหน้า”
ทินกร ระบุว่า “เมื่อวานเกิดเหตุการณ์ทหารโดนตีหัวแตก เขาบอกไม่มีความรุนแรง เราจะเป็นปราการด่านหน้าในการปกป้อง เพราะนี่คือหนึ่งในภารกิจปกป้องสถาบัน”
ส่วนกรณีที่ภาคีเครือข่ายบางกลุ่ม มีแนวความคิดชัตดาวน์ทำรัฐประหารนั้น ทินกรกล่าวว่า อำนาจในการชัตดาวน์ประเทศนั้นอยู่ที่ใครต้องดูด้วย กลุ่มภาคีเครือข่ายฯ ไม่ได้มีหน้าที่กำหนดให้ประเทศนี้เดินไปอย่างไร เรามีหน้าที่ปกป้องสถาบัน ดังนั้นเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในความคิดของเรา
ทินกรกล่าวถึงการประกาศท่าทีของภาคีฯ ว่า หากวันนี้ดูแข็งกร้าว กลับไปดูกลุ่มราษฎรที่จัดกิจกรรมจาบจ้วงสถาบัน ว่าสมควรหรือไม่
ทั้งนี้ ทินกรกล่าวทิ้งท้ายว่า “ถ้าการชุมนุมนั้นสันติวิธี ขออนุญาตตามกฎหมาย ชุมนุมวิพากษ์วิจารณ์ในบางเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับสถาบัน พวกเราก็ยินดี แต่หากการชุมนุมนั้นเป็นไปเพื่อนำไปสู่กระบวนการที่จะละเมิดหรือทำลายสถาบัน พวกเราไม่ยอม”
ภายหลังช่วงท้ายกิจกรรมมีการร่วมปฏิญาณตนปกป้องสถาบันฯ พร้อมทั้งร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี และสดุดีมหาราชา และจุดเทียนถวายพระพร ก่อนที่จะมีการแยกย้ายเลิกกิจกรรม
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์