วันนี้ (27 พฤศจิกายน) ประยุทธ เพชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงการตรวจสอบกรณีปรากฏคลิป เชาวลิต ทองด้วง หรือ เสี่ยแป้ง นาโหนด นักโทษชายที่หลบหนีจากโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราชเมื่อวันที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมา
โดยเชาวลิตมีการพาดพิงถึงพนักงานอัยการชื่อ บอย ที่เคยเป็นผู้ต้องหาร่วมกับเชาวลิตในคดีปล้นทรัพย์ ความผิดต่อเสรีภาพ และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ แต่ท้ายสุดอัยการภาค 9 สั่งไม่ฟ้องอัยการคนดังกล่าว
ประยุทธกล่าวว่า เรื่องนี้อัยการสูงสุดนอกจากจะสั่งให้อธิบดีอัยการภาค 9 ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว ยังได้สั่งการให้อธิบดีอัยการภาค 9 และอธิบดีอัยการสำนักงานวิชาการประสานงานกัน เพื่อนำสำนวนดังกล่าวมาวิเคราะห์
ซึ่งเดิมสำนวนคดีนี้มีอยู่ 2ส่วน ส่วนแรกเป็นส่วนที่สั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหา ซึ่งในส่วนนี้มีอัยการที่ชื่อบอยอยู่ในกลุ่ม 1 ใน 6 ผู้ต้องหาที่อธิบดีอัยการภาค 9 ในปี 2563 มีคำสั่งไม่ฟ้อง และคำสั่งส่งไปยังผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ได้พิจารณาแล้วเห็นพ้องกัน ไม่ได้โต้แย้ง ถือเป็นคำสั่งเด็ดขาด
ส่วนอีกคำสั่งคือคำสั่งที่ได้ฟ้องเชาวลิต จนต่อมาศาลพัทลุงมีคำพิพากษาจำคุกเชาวลิต
ส่วนกรณีที่มีการกล่าวถึงอัยการอีกหนึ่งราย ซึ่งมีตำแหน่งเป็นอัยการคดีศาลแขวงจังหวัดสงขลา ประยุทธระบุว่า ทางอธิบดีอัยการภาค 9 ตรวจสอบแล้วพบว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ เนื่องจากขณะเกิดเหตุรับราชการอยู่ที่สำนักงานอัยการอาญามีนบุรี รวมทั้งไม่รู้จักกับอัยการบอยและเชาวลิต
ในส่วนคำสั่งไม่ฟ้องอัยการบอยกับพวกรวม 6 คน และสำนวนที่มีการฟ้องเชาวลิต ทางทีมโฆษกอัยการได้ข้อมูลว่า สำนวนดังกล่าวมีการส่งด่วนไปที่สำนักงานอัยการ สำนักงานวิชาการแล้ว ลำดับต่อไปเป็นการวิเคราะห์ผลคดี
ประยุทธกล่าวต่อว่า สิ่งที่แจ้งให้ทราบได้ตอนนี้คือ กระบวนการสั่งไม่ฟ้องหรือฟ้องคดีดังกล่าวที่ผ่านมาเป็นการสั่งเด็ดขาดตามกระบวนการกฎหมายบัญญัติทุกประการ แต่กฎหมายเขียนไว้ว่าการจะสั่งคดีใหม่ได้จะเป็นไปตาม ป.วิอาญา มาตรา 141 ที่จะต้องมีข้อเท็จจริงหรือพยานหลักฐานใหม่ที่สามารถนำสืบพิสูจน์ให้ศาลลงโทษผู้ถูกกล่าวหาได้ ถ้าเป็นกรณีเช่นนี้ก็อาจจะรื้อฟื้นคดีได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องรอผลวิเคราะห์สำนวน
เมื่อถามว่าอัยการสูงสุดได้กำหนดกรอบเวลาหรือไม่ ประยุทธกล่าวว่า อัยการสูงสุดยังไม่มีข้อสั่งการส่วนนี้ แต่อัยการมีการประสานงานกันตลอดแม้วันหยุด ซึ่งเป็นการทำงานโดยเร่งด่วนรวดเร็วอยู่แล้ว ตนให้ความมั่นใจกับสังคมได้ว่า เรื่องแบบนี้อัยการสูงสุดและหน่วยงานในอัยการที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญแน่นอน และเมื่อผลวิเคราะห์ออก โฆษกอัยการจะรีบแถลงข่าวให้สาธารณชนทราบ ส่วนจะต้องตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงหรือไม่ ต้องรอผลการวิเคราะห์ของสำนักงานอัยการ สำนักงานวิชาการก่อน
“มันมีหลักกฎหมาย การทำงานของพนักงานอัยการจะดูว่าพยานหลักฐานพอฟ้องหรือไม่พอฟ้อง ถ้าไม่พอฟ้องเราจะไม่ฟ้อง ถ้าพอฟ้องเราจะฟ้อง ในสำนวนนี้จะเป็นแค่ไหนเพียงใดต้องรอการตรวจสอบจากสำนักงานวิชาการ” ประยุทธกล่าว
