วันนี้ (16 ตุลาคม) ชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่จะมีการเสนอรายงานผลการศึกษาของกรรมาธิการเข้าสู่วาระการพิจารณาของที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยยืนยันว่าควรจะมีการพิจารณาในวันที่ 17 ตุลาคมนี้ เนื่องจากรายงานดังกล่าวเลื่อนมาแล้ว 2 ครั้ง เกรงจะสร้างความสับสนว่าเลื่อนเพราะอะไร
ชูศักดิ์กล่าวว่า กรรมาธิการอยากชี้แจงให้ทุกฝ่ายเข้าใจตรงกับผลการศึกษา แต่เท่าที่รับฟังเหมือนจะมีความสับสนอยู่ว่าการพิจารณารายงานเป็นการพิจารณากฎหมาย ทั้งที่ไม่ใช่การพิจารณากฎหมายแต่อย่างใด เป็นเพียงการพิจารณารายงานการศึกษาแนวทางการตรากฎหมายเท่านั้น พร้อมยืนยันว่าไม่ใช่การยกเลิกหรือการแก้กฎหมาย
นอกจากนี้ ยังไม่ใช่การพิจารณาว่าควรนิรโทษกรรมหรือไม่ควรนิรโทษกรรมคดีตามความผิดมาตราใดมาตราหนึ่ง แต่ผลของรายงานที่จะเสนอสภานั้นมีเพียงการรับทราบการศึกษาของกรรมาธิการ ส่วนท้ายที่สุดจะเป็นอย่างไร จะยกร่างกฎหมายอย่างไร หรือจะเสนอกฎหมายนิรโทษกรรมแบบไหน เป็นเรื่องของคนที่มีอำนาจเสนอกฎหมาย
“กฎหมายต่างๆ ยังมีอยู่เหมือนเดิม เช่น มาตรา 112 ยังมีอยู่เหมือนเดิม ไม่ได้แตะต้อง จึงเห็นว่าเรื่องนี้ควรจะพิจารณาต่อไป เพราะสภาเพียงแค่รับทราบ ส่วนจะดำเนินการอย่างไรต่อเป็นเรื่องของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะพิจารณาต่อไป” ชูศักดิ์กล่าว
ส่วนความกังวลต่อข้อสังเกตที่เกี่ยวข้องกับคดีในความผิดมาตรา 112 นั้น ชูศักดิ์กล่าวว่า ในข้อสังเกตมีระบุด้วยซ้ำว่ามาตราเหล่านี้มีความอ่อนไหวทางการเมือง ดังนั้นหากจะพิจารณายกร่างกฎหมายนิรโทษกรรมในอนาคตอย่างไร ก็ต้องนำข้อเท็จจริงตรงนี้ไปพิจารณาด้วย และไม่ใช่การบังคับว่ารัฐบาลจะต้องทำตามนี้
ทั้งนี้ ชูศักดิ์ย้ำว่า ตนเองพูดคุยกับประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) แล้วว่า มีความจำเป็นต้องพิจารณาวาระนี้ เพราะเลื่อนมาแล้ว 2 ครั้ง ส่วนจะพิจารณาได้หรือไม่ได้ ทันหรือไม่ทันก็เป็นอีกเรื่อง เพราะวันที่ 17 ตุลาคมนี้ก็จะมีการพิจารณาญัตติด่วนด้วยวาจา ขอให้สภาศึกษาปัญหาและแก้ไขกฎหมายเพื่อป้องกันธุรกิจอันเข้าลักษณะการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนหรือแชร์ลูกโซ่ด้วย