วานนี้ (5 พฤศจิกายน) พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เสนอร่างกฎกระทรวงการอนุญาตดำเนินการหรือจัดตั้งสถานศึกษา สถานฝึกและอบรม หรือสถานแนะนำทางจิต พ.ศ. …. และร่างกฎกระทรวงกำหนดตำแหน่งพนักงานอื่น เพื่อช่วยเหลือผู้อำนวยการสถานพินิจ หรือผู้ดูแล หรือปกครองสถานที่ที่กำหนดในหมวด 4 พ.ศ. …. ในการประชุมคณะรัฐมนตรี และต่อมาคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงดังกล่าวตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
สำหรับสถานฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนเอกชน หรือสถานที่อื่น หรือบ้านกึ่งวิถี (Halfway House) เป็นสิ่งที่ภาคเอกชนมีข้อเรียกร้องมาตั้งแต่มี พ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2553 นับจนถึงวันนี้ 13 ปีแล้ว โดยรัฐจะต้องออกกฎกระทรวงรองรับกับมาตรา 55 แห่ง พ.ร.บ.ดังกล่าว นับเป็นความสำเร็จของรัฐบาลชุดนี้ที่จะมีแนวนโยบายที่เป็นหลักสากล ซึ่งเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนและภาคประชาสังคมเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไข บำบัด ฟื้นฟู และพัฒนา พฤตินิสัยเด็กและเยาวชนในกระบวนการยุติธรรมที่มีความหลากหลาย เพื่อให้เด็กและเยาวชนได้รับการแก้ไข บำบัด ฟื้นฟู และฝึกอบรม ด้านต่างๆ ให้สอดคล้องกับสาเหตุแห่งสภาพปัญหาและความจำเป็นของเด็กและเยาวชน เพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองสวัสดิภาพและส่งเสริมพัฒนาศักยภาพของเด็กและเยาวชนตามวิถีและแนวคิดของภาคเอกชน อันเป็นการวางรากฐานสู่การพัฒนาประเทศที่มีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ ในอดีตกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ดำเนินงานร่วมกับเครือข่าย หน่วยงาน ภาคส่วนต่างๆ ทั้งภาคเอกชนและภาคประชาสังคมอีกหลายแห่ง เพื่อให้เด็กและเยาวชนมีโอกาสและได้รับการพัฒนาศักยภาพในด้านต่างๆ อย่างรอบด้าน ทั้งทักษะการศึกษาและการประกอบอาชีพ รวมทั้งทักษะชีวิตที่เป็นส่วนสำคัญในการคืนเด็กและเยาวชนที่ก้าวพลาดสู่สังคมที่ดี
นับจากนี้ไปกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจะใช้กลไกนี้ในการขับเคลื่อนกับภาคเอกชน ภาคประชาสังคม รวมถึงภาครัฐ ที่สนใจที่จะมาร่วมกันแก้ไขปัญหาของเด็กและเยาวชนที่เป็นกลุ่มเปราะบางให้เป็นเด็กที่มีคุณภาพและเป็นพลเมืองที่ดีในการพัฒนาประเทศต่อไป