สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย คาดสิ้นปีนี้จะมีมูลค่าการออกหุ้นกู้รวมไม่ต่ำกว่า 1.3 ล้านล้านบาท ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังหลายบริษัทเร่งระดมทุนเพื่อหวังล็อกต้นทุน ในช่วงที่ดอกเบี้ยกำลังเป็นขาขึ้น ชี้แนวโน้มการออกหุ้นกู้ดิจิทัล กำลังโตอย่างต่อเนื่อง คาดมีหลายแบงก์สนใจแห่เปิดช่องทางจำหน่ายเพิ่มมากขึ้น
อริยา ติรณะประกิจ รองกรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย(ThaiBMA) ประเมินว่า ในงวดปี 2565 มูลค่าการออกหุ้นกู้ระยะยาวจะไม่ต่ำกว่า 1.3 ล้านล้านบาท ซึ่งทำสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้ง หลังจากที่ในช่วง 9 เดือนแรกของปี มีมูลค่าการออกหุ้นกู้ระยะยาวแล้วกว่า 997,085 ล้านบาท
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- 8 หุ้นเนื้อทอง เซียนหุ้น รุมตอม ร่วมลงทุนติดอันดับผู้ถือหุ้นใหญ่
- 9 หุ้น จ่ายเงินปันผลสูงมากกว่า 5% ตลอด 5 ปี แถมราคาตั้งแต่ต้นปียังบวก
- 10 หุ้น ขึ้น XD จ่ายเงินปันผลสูงสุดในรอบเดือน ก.ย. 65
โดยในช่วงไตรมาส 4 ถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงที่มีการออกหุ้นกู้น้อยที่สุดของปี แต่อย่างไรก็ตามหากดูจากไฟลิ่งของผู้ที่จะออกหุ้นกู้แล้วนั้นจะมีมูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 50,000 ล้านบาท รวมถึงยังมีหุ้นกู้ของเดิมที่จะครบกำหนดไถ่ถอนอีกวงเงินประมาณ 1.3 แสนล้านบาท
ดังนั้น โดยรวมแล้วคาดว่าในปี 2565 มูลค่าการออกหุ้นกู้จะไม่ต่ำกว่า 1.3 ล้านล้านบาท โดยตัวอย่างบริษัทที่จะออกและเสนอขายหุ้นกู้อย่าง ปูนซิเมนต์ไทย ที่จะออกหุ้นกู้เพื่อชดเชยหุ้นกู้เดิมที่จะครบกำหนด และแลนด์แอนด์เฮ้าส์ รวมถึง บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา หรือ CPN, โลตัส, ไทยเบฟเวอเรจ, บมจ.ทุนธนชาต หรือ TCAP, บมจ.ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ หรือ TPIPP
สำหรับสาเหตุที่มูลค่าของการเสนอขายหุ้นกู้ที่เพิ่มมากสูงขึ้นในปีนี้ และถือเป็นประวัติการณ์มองว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะหลายบริษัทมีการคาดการณ์แล้วว่าแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยกำลังเป็นขาขึ้น จึงมีความต้องการที่จะล็อกต้นทุนระยะยาว ส่วนมูลค่าการออกหุ้นกู้ในงวดปี 2566 เบื้องต้นยังไม่สามารถประเมินได้ว่าจะมีมูลค่าอยู่ที่เท่าไร
ขณะเดียวกันในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา มีหุ้นกู้ดิจิทัลที่มีสัดส่วนการออกและเสนอขายที่เพิ่มขึ้นเป็นสัดส่วน 2% ของการเสนอขายหุ้นกู้ทั้งหมด ซึ่งปัจจุบันมีการเสนอขายแล้วกว่า 10 รุ่น จากทั้งหมด 7 บริษัท รวมมูลค่าประมาณ 3 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี จะเห็นหุ้นกู้ที่ขายผ่านแอปเป๋าตังอีกอย่างน้อย 2 บริษัทที่ประกาศออกมา มองว่าช่องทางดังกล่าวจะเป็นการขยายโอกาสให้กับนักลงทุนในยามที่ตลาดการเงินมีความผันผวน สามารถเข้าถึงหุ้นกู้ที่เป็นแบบ Investment Grade ได้ง่ายขึ้น ขณะเดียวกันเชื่อว่ามีธนาคารอีกหลายแห่งต้องการที่จะเปิดช่องทางจำหน่ายหุ้นกู้ดิจิทัลเพิ่มมากขึ้น
ด้าน สมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย เปิดเผยว่า กรณีที่อัตราดอกเบี้ยของไทยและสหรัฐฯ มีช่องว่าของอัตราดอกเบี้ยที่ห่างกันเกินไป ส่งผลให้แม้จะมีเงินทุนต่างชาติไหลออกไปบ้าง ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาไหลออกไปประมาณ 2 หมื่นล้านบาทนั้น มองว่าไม่ได้เป็นการไหลออกแบบที่เร่งตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และเชื่อว่าในอนาคตช่องว่างของอัตราดอกเบี้ยจะชะลอตัวลง
ขณะเดียวกันการถือครองของต่างชาติในตราสารหนี้มีสัดส่วนแค่เพียง 6.5% เพราะฉะนั้นการเคลื่อนย้ายของเงินทุนถือว่าไม่ได้ก้าวกระโดดมากนัก ขณะเดียวกันเงินลงทุนดังกล่าวมีมุมมองเป็นการลงทุนแบบระยะยาวที่มีอายุเฉลี่ย 8.5 ปี ดังนั้นจากปัจจัยที่กล่าวมา แม้จะมีเงินไหลออก แต่ถือว่าไม่ได้เร่งตัวมากนัก