วันนี้ (22 พฤษภาคม) อายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เผยความคืบหน้าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในเรือนจำและทัณฑสถาน ข้อมูล ณ วันที่ 22 พฤษภาคม เวลา 11.00 น. มีผู้ต้องขังติดเชื้อรายใหม่ จำนวน 523 ราย รักษาหาย 218 ราย รวมผู้ต้องขังที่อยู่ระหว่างการรักษา 14,348 ราย มีเรือนจำและทัณฑสถานที่พบผู้ติดเชื้อ 12 แห่ง โดยวันนี้มีรายงาน 6 แห่งที่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ ได้แก่ เรือนจำกลางเชียงใหม่ 2 ราย, ทัณฑสถานหญิงกลาง 29 ราย, เรือนจำกลางคลองเปรม 158 ราย, ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง 26 ราย, เรือนจำจังหวัดนนทบุรี 1 ราย, เรือนจำกลางบางขวาง 299 ราย, ทัณฑสถานหญิงธนบุรี 8 ราย
อายุตม์กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันมีผู้ต้องขังที่ได้รับการตรวจเชื้อแล้ว จำนวน 37,288 ราย มีเรือนจำที่ตรวจครบ 100% เพิ่มอีก 1 แห่ง คือ เรือนจำกลางฉะเชิงเทรา ส่วนเรือนจำอื่นๆ ที่ตรวจครบแล้วยังมีการ Swab หาเชื้อซ้ำทุกๆ 7 วันในกลุ่มที่ยังไม่พบเชื้อ รวมถึงการตรวจหาเชื้อในผู้ต้องขังเรือนจำอื่นๆ และผู้ต้องขังเข้าใหม่ทุกรายจนกว่าสถานการณ์จะปกติ
“ด้านความคืบหน้าในการดำเนินการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ในผู้ต้องขัง ในวันนี้ (22 พฤษภาคม) กรมราชทัณฑ์จะเริ่มฉีดวัคซีนแก่ผู้ต้องขังที่เรือนจำพิเศษมีนบุรีเป็นแห่งแรก จำนวน 1,500 ราย และตั้งเป้าฉีดวัคซีนเข็มแรกจนครบ 3,831 ราย ภายใน 1 สัปดาห์ โดยการสนับสนุนวัคซีนจากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เป็นวัคซีน 2 ชนิด คือ Sinovac เพื่อฉีดแก่ผู้ต้องขังกลุ่มอายุต่ำกว่า 60 ปี และ AstraZeneca เพื่อฉีดให้กับผู้ต้องขังกลุ่มสูงอายุ และกลุ่มป่วย 7 โรคเรื้อรัง ด้วยความร่วมมือในการให้บริการฉีด โดยโรงพยาบาลนวมินทร์ 9 และทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์” อายุตม์กล่าว
นอกจากนี้ กรมราชทัณฑ์ได้มอบหมายให้ศูนย์ CARE ประจำเรือนจำและทัณฑสถานทุกแห่ง รับผิดชอบในการประสานงานรวบรวมข้อมูลของผู้ต้องขังที่ติดเชื้อ และแจ้งให้ญาติผู้ต้องขังทราบเป็นการเฉพาะราย พร้อมทั้งแจ้งความคืบหน้าการรักษาและอาการป่วยของผู้ต้องขังให้ญาติทราบผ่านทางโทรศัพท์หรือช่องทางการสื่อสารอื่นใดที่ได้แจ้งไว้ เพื่อบรรเทาความห่วงใยของญาติผู้ต้องขัง ทั้งนี้ การดำเนินการทุกขั้นตอนจะต้องได้รับความยินยอมจากผู้ต้องขังก่อนเสมอ
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล