วันนี้ (24 ตุลาคม) เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) พร้อมด้วยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้เข้าตรวจสอบบริษัท ปริ้นซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ที่อาคารซิโนไทย ทาวเวอร์ และสอบปากคำผู้ถือหุ้นชาวไทย 2 คน เพื่อคลี่คลายข้อสงสัยที่บริษัทอาจมีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายบริษัท ปรินซ์ โฮลดิ้ง กรุ๊ป ของนายเฉิน จื้อ ซึ่งถูกทางการสหรัฐฯ กล่าวหาในคดีฉ้อโกงและฟอกเงินจากธุรกิจสแกมเมอร์ในประเทศกัมพูชา
หลังจากการให้ปากคำนานกว่า 4 ชั่วโมง หนึ่งในผู้ถือหุ้นชาวไทยของบริษัท ปริ้นซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ได้ออกมาชี้แจงต่อสื่อมวลชน โดยยืนยันว่า บริษัทฯ ได้เชิญเจ้าหน้าที่ DSI เข้าตรวจสอบเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ และยืนยันว่าบริษัท ไม่ได้เกี่ยวข้องกับบริษัท ปรินซ์ โฮลดิ้ง กรุ๊ป และไม่ได้เป็นนอมินีหรือตัวกลางฟอกเงินให้กับแก๊งสแกมเมอร์
ผู้ถือหุ้นรายดังกล่าวระบุว่า ได้มอบเอกสารหลักฐานสำคัญ เช่น รายชื่อผู้ถือหุ้น บัญชีรายรับรายจ่าย งบประมาณ และเอกสารเส้นทางการเงินย้อนหลังให้กับ DSI เพื่อยืนยันว่ารายได้ของบริษัทส่วนใหญ่มาจากคนไทยเช่าอสังหาริมทรัพย์กว่า 90% และไม่ใช่รายได้จากต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม ผู้ถือหุ้นยอมรับว่า ในช่วงเริ่มต้นธุรกิจ เคยมีการเจรจาเพื่อขายสินค้าไทยไปกัมพูชากับ ปรินซ์ โฮลดิ้ง กรุ๊ป เนื่องจากเห็นว่าเป็นบริษัทใหญ่ที่น่าเชื่อถือ แต่เมื่อการเจรจาเรื่องผลประโยชน์ไม่ลงตัว จึงเปลี่ยนไปทำธุรกิจนายหน้าเจรจากับบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ในไทย เพื่อให้ไปลงทุนร่วมกับ ปรินซ์ โฮลดิ้ง กรุ๊ป ที่กัมพูชาแทน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ร่วมมือกัน โดย ปรินซ์ โฮลดิ้ง กรุ๊ป ได้นำแนวคิดดังกล่าวไปทำธุรกิจของตนเอง
สำหรับความเชื่อมโยงที่เกิดขึ้น ผู้ถือหุ้นชี้แจงว่า หวัง ยู่ ถัง ชาวไต้หวัน ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท ปริ้นซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ในไทย เคยเป็นบุคลากรของบริษัท ปรินซ์ เรียล เอทสเตท อินเวสเมนท์ ในไต้หวัน ซึ่งอยู่ในเครือ ปรินซ์ โฮลดิ้ง กรุ๊ป ก่อนที่จะมาตั้งบริษัทในประเทศไทย และชักชวนผู้ถือหุ้นชาวไทยร่วมทำธุรกิจ
ผู้ถือหุ้นยอมรับว่า เคยนำชื่อบริษัทในไทยไปอยู่ภายใต้เครือ ปรินซ์ฯ ไต้หวัน เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือในการชักชวนคนไต้หวันมาซื้อคอนโดฯ ในไทย แต่การเจรจาได้ล่มลง ทำให้บริษัทในไทยจึงไม่ได้ร่วมลงทุนหรือมีเส้นทางการเงินใด ๆ เชื่อมโยงกับเครือ ปรินซ์ โฮลดิ้ง กรุ๊ป โดยได้เปลี่ยนมาทำธุรกิจให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ด้วยตนเองในปี 2567
ส่วนกรณีที่ชื่อบริษัทยังคงปรากฏอยู่ในเว็บไซต์ของ ปรินซ์ฯ ไต้หวัน นั้น เป็นเพราะนายหวัง ยู่ ถัง ถูกอายัดบัญชีเพื่อตรวจสอบ ทำให้ไม่มีอำนาจในการถอดถอนชื่อบริษัทในไทยออกจากเว็บไซต์ได้จนถึงปัจจุบัน
นอกจากนี้ ผู้ถือหุ้นยังได้มอบข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทที่ใช้ชื่อPrince อีกแห่งซึ่งจัดตั้งขึ้นในประเทศไทย ให้แก่ DSI โดยเชื่อว่าบริษัทดังกล่าวเป็นบริษัทที่ ปรินซ์ โฮลดิ้ง กรุ๊ป จัดตั้งขึ้นเพื่อทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในไทยโดยเฉพาะ


