วานนี้ (18 กุมภาพันธ์) เวลา 22.20 น. พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวชี้แจงถึงกรณีปัญหาด้านการศึกษาของการอภิปรายไม่ไว้วางใจโดยพรรคฝ่ายค้าน ระบุว่าตนสังเกตว่าเวลาฝ่ายรัฐบาลจะชี้แจงอะไรต้องมีการคัดค้านอยู่บ่อยครั้งมากเกินไปจนหาสาระไม่ได้ การตั้งคำถามในสภาจะถามอะไรก็ได้ แต่ต้องตอบด้วยหลักการและเหตุผล ไม่ใช่การตอบกลับเป็นคำๆ แบบนี้ โดยเฉพาะตนเองที่บอกว่าตอบไม่ตรงคำถามก็คงไม่ใช่ เพราะตนต้องบริหารในภาพใหญ่
ทั้งนี้ พล.อ. ประยุทธ์ ระบุว่าสิ่งสำคัญคือวันนี้ยอมรับหรือไม่ว่าการศึกษามีปัญหา หากถามจากผู้ปกครอง ครู และเด็กก็จะรู้ว่ามีปัญหา จึงต้องมีการปฏิรูปการศึกษา ตนขอยืนยันว่า พ.ร.บ. การศึกษาจะเข้าในวาระแรกของการเปิดประชุมสภาสมัยหน้า และสิ่งสำคัญที่สุดคือการปฏิรูปการศึกษา ซึ่งถือเป็นเหตุจำเป็น ทุกคนอยู่ในห้องนี้ประกอบด้วยคนหลากหลายช่วงวัยและการศึกษา
พล.อ. ประยุทธ์ ยอมรับว่าตนเรียนระบบเก่ามา แต่ตนก็เรียนรู้ระบบใหม่ในช่วงของการเปลี่ยนผ่าน เพราะฉะนั้นแน่นอนว่าย่อมมีการเปลี่ยนแปลง ปรับปรุง แก้ไข แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมายและกฎระเบียบ ตนอยากให้การแก้ไขปัญหาของการศึกษาหรืออะไรก็ตาม ไม่อยากให้ทุกเรื่องกลับไปที่เดิม เพียงแค่เปลี่ยนรัฐมนตรีเป็นคนละ 2 เดือน 3 เดือน หรือ 6 เดือน ทุกอย่างคงแก้ไขไม่ได้ เพราะเป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง ต้องแก้ทั้งวงจร แก้ทั้งระบบ
หากมองว่าเป้าหมายคืออะไร ปัญหาอยู่ที่ไหน ต้นทางและกลางทางเป็นอย่างไร เราจะต้องเอาตัวออกจากตรงนั้น เช่นเดียวกับตนที่เอาตัวออกจากปัญหาเหล่านั้น มองจากข้างนอกเข้าไปว่าจะแก้ไขปัญหาอย่างไร เมื่อได้กระบวนการแก้ไขปัญหาเรียบร้อยแล้วจึงเอาตัวเราเข้าไป จึงจะสามารถแก้ไขปัญหาอุปสรรคได้ คนได้ประโยชน์และเสียประโยชน์จะดูแลอย่างไรจึงจะเรียกว่าการปฏิรูปการศึกษา ตนคิดว่าหลายเรื่องคงตอบแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการไม่ได้ แต่ในฐานะผู้กำกับดูแล ตนก็จะติดตามในการคัดสรรคน กฎหมายทำได้ก็ว่าไป หากผิดก็ต้องยอมรับอยู่แล้ว
พล.อ. ประยุทธ์ ยอมรับว่าสิ่งที่ตนไม่สบายใจอยู่หนึ่งอย่างคือการเข้ามาครั้งนี้เป็นรัฐบาลประชาธิปไตยมา 2 ปี ครั้งแรกตนคิดว่าในสภาดีกว่านี้ แต่ครั้งนี้ตนไม่สบายใจเท่าไร ตนให้เกียรติทุกคนเสมอมา แต่ครั้งนี้การกล่าวอ้าง ให้ร้าย ดูถูกเหยียดหยามมากขึ้น แต่ตนก็พยายามอดทน ตนเป็นนายกรัฐมนตรี ต้องทนได้เสมอ
พล.อ. ประยุทธ์ ยอมรับว่าเป็นห่วงอยู่หนึ่งคำ คือคำว่านักเรียนเลวหรือครูชุดดำ เราไม่เคยมองอย่างนั้น ไม่เคยยุแยงให้เด็กเป็นอย่างนั้น เราจะเรียกเขาเป็นนักเรียนเลวได้อย่างไร เขาเป็นนักเรียน เป็นอนาคตของชาติ เพราะฉะนั้นมีอยู่หลายคนในนี้ ตนไม่ขอว่าใคร อย่ามาประท้วงตน เพราะทุกคนก็รู้ดีอยู่ ก่อนหน้านี้สมัยตนไม่มีเรื่องแบบนี้ เรื่องร้ายแรงแบบนี้ไม่เคยมี ทำไมจะต้องให้เขาไปมีปัญหากับกฎหมาย ตนไม่เข้าใจ แล้วมีคนไปแอบอยู่ข้างหลัง ไม่สงสารเด็กบ้างหรือ เมื่อถึงเวลาเขาก็มีเวลาของเขา วันนี้เขาต้องเรียนหนังสือ ไม่เคยมีปัญหาเหล่านี้มาก่อน ในฐานะที่เป็นนายกรัฐมนตรีและฝ่ายความมั่นคง ตนสังเกตความเคลื่อนไหว การพูดจาต่างๆ สอดคล้องสถานการณ์ภายนอกทั้งสิ้น นี่คืออันตราย ถามว่าใครจะเอาอยู่ ไม่ว่าใครจะเป็นนายกรัฐมนตรี
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์