วันนี้ (23 กุมภาพันธ์) เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานการประชุมติดตามความก้าวหน้าในการเร่งรัดการพัฒนากรุงเทพมหานคร ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) โดยมี ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) และผู้บริหาร ให้การต้อนรับ
โดยทันทีที่นายกรัฐมนตรีเดินทางมาถึงศาลาว่าการ กทม. ได้ร่วมประชุมกับเจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานครและรับฟังการรายงานจากผู้ว่าฯ กทม. พร้อมระบุว่า เมื่อวานนี้ที่มีการประกาศนโยบายรัฐบาล 8 ข้อ ทุกข้อเกี่ยวข้องกับทางกรุงเทพมหานครทั้งหมด สิ่งที่ท่านผู้ว่าฯ ทำดูหลายๆ เรื่องก็ต้องยอมรับว่าผ่านการซัพพอร์ตจากหน่วยงาน แต่ก็ยังไม่รวดเร็วทันใจ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องขยับเข้ามาช่วยกันทำการให้มากขึ้น โดยตนจะให้ พวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นคนประสานในส่วนที่อยากให้รัฐบาลช่วยผลักดันให้เร็วขึ้น
ส่วนการลอกท่อมีเวลาอีก 2-3 เดือนก่อนที่จะเริ่มฤดูฝนตก หากหน่วยงานด้านความมั่นคงและกรมราชทัณฑ์มาช่วยเหลือ ก็ขอให้ประชุมพูดคุยกันในเชิงลึกและกำหนดว่าหน่วยงานใดของความมั่นคงทหารจะมาช่วยเริ่มต้น จะเข้ามาทำยังจุดใด พื้นที่ใดบ้าง
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ส่วนเรื่องการจราจรต้องประสานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เนื่องจากกฎกติกายังมีปัญหาอยู่จำนวนมาก หากทุกคนช่วยกันรักษาวินัย จราจรก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งการจราจรเป็นปัญหาลำดับต้นๆ ที่ประสบปัญหามานาน เราทำดีขึ้น เพียงแต่การสื่อสารอาจจะยังด้อยด้วยการแข่งขันของโลก
“หลายๆ เมืองในโลกรถติดเป็นจำนวนมาก แต่ไม่ใช่เหตุผลที่เราจะไม่พัฒนา หากผู้ว่าฯ ทำอะไรดีๆ ก็อยากจะให้มีการสื่อสารออกไป ผมเชื่อว่าพวงเพ็ชรจะช่วยได้ในเรื่องการประชาสัมพันธ์ ซึ่งจะส่งผลโดยตรงกับด้านการท่องเที่ยว” เศรษฐากล่าว
นายกรัฐมนตรียังอยากให้ กทม. ร่วมมือกับกระทรวงคมนาคม ทำระบบขนส่งเสริม หรือ Feeder System พร้อมกล่าวถึงปัญหาแท็กซี่ว่า เหตุที่แท็กซี่ไม่ยอมกดมิเตอร์บางทีก็ต้องเห็นใจ เพราะในช่วงรถติดจริงๆ มิเตอร์ไม่ขึ้น เขาก็ไม่ได้สตางค์ เป็นเรื่องของกระทรวงคมนาคมที่ต้องไปแก้ไขใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อให้เป็นไปตามกลไกการแข่งขัน ไม่ใช่ไรเดอร์ได้เปรียบ ซึ่งมีหลายส่วนที่เกี่ยวข้อง และรัฐบาลจะผลักดันให้มีการแข่งขันที่เป็นธรรม
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า แท็กซี่ผี ไกด์ผี เป็นมะเร็งที่กัดกร่อนการท่องเที่ยว จึงฝากไปยังผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติให้ช่วยแก้ไข ส่วนการเปิดพื้นผิวจราจรกว่า 800 จุดบนถนน อยากให้เปิดให้น้อยลง แต่ทำให้เสร็จเร็วขึ้น และเนื่องจากปีนี้เป็นปีมหามงคล อยากทำให้บ้านเมืองสะอาดขึ้นด้วย ขณะที่การนำสายไฟลงดิน หากมีผลงานแล้วมีภาพ Before and After ขอให้ส่งไปยังฝ่ายสื่อสารเพื่อให้ขยายต่อ เนื่องจากเราก็เป็นรัฐบาลเดียวกัน ทำเพื่อประชาชน จึงต้องช่วยกันทำให้มันดีขึ้น
นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวชื่นชมการแก้ไขฝุ่นละออง PM2.5 ของผู้ว่าฯ กทม. เมื่อสัปดาห์ก่อนว่า เห็นผลอย่างชัดเจน ขอบคุณ กทม. ที่ช่วยลดปัญหาการเผาพืชผลทางการเกษตร ส่งเสริมเรื่องรถอัดฟาง ส่วนประเทศเพื่อนบ้านได้มีสายตรงกับผู้นำต่างประเทศที่อยู่ใกล้เคียงอย่างกัมพูชาแล้ว ซึ่งเขามีขีดจำกัดด้านเทคโนโลยี อุปกรณ์ และเครื่องมือ แต่ก็ไม่ทำให้เราลดความพยายามที่จะทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยดีขึ้น
ขอบคุณทุกภาคส่วนช่วยพัฒนา กทม.
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้ตรวจเยี่ยมแถวเจ้าหน้าที่เทศกิจ, เจ้าหน้าที่ตำรวจจาก บก.จร, เจ้าหน้าที่ตำรวจโครงการพระราชดำริ และเจ้าหน้าที่จากสำนักงานอนามัย กรุงเทพมหานคร พร้อมกล่าวมอบกำลังใจว่า
กรุงเทพมหานครคือมหานครที่มีประชาชนมากที่สุด มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม มีการท่องเที่ยวโดดเด่นมากมาย มีถนนข้าวสารที่เปรียบเสมือนแหล่งน้ำของต่างประเทศ จึงไม่แปลกใจที่ว่ากรุงเทพมหานครจะถูกจัดให้เป็นจุดหมายปลายทางที่นิยมชมชอบมากที่สุดในทวีปเอเชีย และเป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวค้นหามากที่สุด
รัฐบาลมุ่งมั่นให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่น่าอยู่ในทุกๆ ด้าน โดยทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องต้องบูรณาการการทำงาน ระดมความคิด มาช่วยกันสร้างความปลอดภัยและชีวิตที่ดีให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวทุกคน
นายกรัฐมนตรีกล่าวเพิ่มเติมว่า รู้สึกดีใจมากที่ได้พบกับทุกท่านและเห็นถึงความตั้งใจผ่านแววตาของทุกคน เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาในยามที่กรุงเทพฯ ต้องเผชิญสถานการณ์ที่ยากลำบาก ไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วม ไฟไหม้ หรือโควิด หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ออกมาตรการในการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที รวมทั้งได้พลังจากเจ้าหน้าที่ทุกคนในการปฏิบัติหน้าที่อย่างสุดความสามารถ ทำงานหามรุ่งหามค่ำ เพื่อคลี่คลายสถานการณ์และบรรเทาความเดือดร้อนต่างๆ ให้กับประชาชนได้เป็นอย่างดี
ตนขอขอบคุณคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ทุกๆ คนของทุกๆ ภาคส่วนที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยหัวใจที่เข้มแข็ง ร่วมมือร่วมใจกันพัฒนากรุงเทพฯ ให้มีความเจริญก้าวหน้าตลอดมา และขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มความสามารถ ทำให้เศรษฐกิจของกรุงเทพมหานครขยายตัวต่อเนื่อง และเป็นเมืองหลวงที่ยิ่งใหญ่ น่าอยู่ น่าเที่ยวตลอดไป