วันนี้ (6 มีนาคม) พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวระหว่างเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจว่า การประชุมครั้งนี้เป็นวาระสำคัญ เพราะประชาชนเฝ้ารอรัฐบาลว่าจะมีมาตรการช่วยเหลืออย่างไร
โดยได้แยกประเด็นปัญหาที่กระทบและสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนออกเป็น 3 ประเด็นคือ ผลกระทบจากโรคโควิด-19 ภัยแล้ง และเศรษฐกิจในภาพรวม
พล.อ. ประยุทธ์ ยังบอกอีกด้วยว่ามาตรการบางอย่างอาจไม่ใช่การให้โดยตรง แต่ส่งผลประโยชน์โดยอ้อม ส่วนการส่งแผนเสนอเข้าสู่คณะรัฐมนตรี ขอให้ทุกหน่วยงานเสนอขึ้นมาพร้อมกันในวันที่กำหนดเพื่อตรวจสอบกลั่นกรองกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ใช่ใครมาก่อนได้ก่อน
พร้อมสรุปข้อมูลที่ได้มาจากการพบกับตัวแทนประชาชน ทั้งกลุ่มเกษตรกร ผู้ประกอบการรายย่อย ผู้ประกอบการท่องเที่ยว บริษัทห้างร้าน หรือแม้แต่กลุ่มเอสเอ็มอี ให้ทุกคนได้ร่วมพิจารณาเพื่อนำไปทบทวนหรือปรับแผนการดำเนินงาน
สำหรับการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 นายกรัฐมนตรีได้ขอให้ทุกหน่วยงานไปทบทวนแผนงานโครงการด้วยว่าอะไรมีแผนงานพร้อมดำเนินงานก็จะอนุมัติให้ แต่หากโครงการใดยังไม่พร้อม ต้องปรับให้สอดรับกับภารกิจทั้ง 3 แผนงานคือ ผลกระทบโรคโควิด-19 ภัยแล้ง และเศรษฐกิจ เพื่อให้มีเม็ดเงินที่จะกลับมาบริหารจัดการทั้งสามภารกิจสำคัญนี้
ส่วนเรื่องสร้างการรับรู้ พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่าจะต้องปรับใหม่ ทั้งเรื่องการให้สัมภาษณ์และชี้แจงของตน โฆษกรัฐบาล และโฆษกกระทรวง เพื่อให้มีมาตรฐานโดยเร็ว เพราะส่งผลกระทบในการสร้างความเข้าใจกับประชาชนเป็นอย่างมาก ดังนั้นจะต้องระมัดระวังการพูดจาอย่างที่สุด เรียงลำดับความสำคัญ เรื่องใดควรพูดก่อนหลัง ไม่เช่นนั้นจะเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบกลับมาที่รัฐบาล
เนื่องจากสิ่งที่รัฐบาลโดนโจมตีมากที่สุดคือมาตรการที่ถูกกล่าวหาว่ารัฐบาลคิดอะไรไม่เป็น คิดแต่แจกเงิน ซึ่งต้องเข้าใจว่าหลายอย่างต้องดำเนินการเหมือนที่ต่างประเทศทำ เพื่อลดผลกระทบทางตรงกับประชาชนผู้มีรายได้น้อย ที่ผ่านมาเราใช้ตัวเลขรายได้ต่อปีมาเป็นตัวกำหนด วันนี้เราจะต้องมีการพิจารณาใหม่อีกส่วนหนึ่งนอกจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐว่าจะช่วยเหลืออย่างไรให้บรรดาผู้ประกอบอาชีพอิสระต่างๆด้วย ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องของพลังงาน ไฟฟ้า หรือประปา
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์