วันนี้ (10 กรกฎาคม) ศุภฤกษ์ คฤหานนท์ ผู้อำนวยการศูนย์บริการวิชาการและสื่อสารทางดาราศาสตร์ (สดร.) เปิดเผยว่า ในช่วงค่ำของวันที่ 10 กรกฎาคม 2566 หลังดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า เวลาประมาณ 19.00-21.09 น. ดาวศุกร์จะปรากฏสว่างที่สุด คาดว่ามีค่าอันดับความสว่างปรากฏมากถึง -4.6 (ดวงจันทร์เต็มดวง มีค่าอันดับความสว่างปรากฏ -12)
หากสังเกตผ่านกล้องโทรทรรศน์ดาวศุกร์จะปรากฏเป็นเสี้ยวคล้ายดวงจันทร์ นอกจากนี้ช่วงเวลาดังกล่าวยังมีดาวเรกูลัสเคียงดาวอังคารปรากฏเหนือดาวศุกร์ขึ้นไปอีกด้วย หากทัศนวิสัยท้องฟ้าดีสามารถชมได้ด้วยตาเปล่าอย่างชัดเจนทั่วประเทศ
ดาวศุกร์สว่างที่สุด (The Greatest Brilliancy) คือช่วงที่ดาวศุกร์โคจรห่างจากโลกในระยะที่เหมาะสมและมีขนาดเสี้ยวค่อนข้างใหญ่ จึงปรากฏสว่างมากบนท้องฟ้า สำหรับในช่วงอื่นแม้ดาวศุกร์จะมีเสี้ยวที่หนากว่า แต่ด้วยตำแหน่งที่อยู่ห่างจากโลก ความสว่างจึงลดลงตามไปด้วย การที่เราเห็นดาวศุกร์เป็นเสี้ยวอยู่เสมอเนื่องจากดาวศุกร์เป็นดาวเคราะห์ลำดับที่ 2 ถัดจากดาวพุธ โคจรรอบดวงอาทิตย์ใกล้กว่าโลก จึงไม่สามารถเห็นดาวศุกร์สว่างเต็มดวงได้ เพราะจะปรากฏสว่างเต็มดวงเมื่ออยู่หลังดวงอาทิตย์
ดังนั้นคนบนโลกจึงมองเห็นดาวศุกร์ปรากฏเป็นเสี้ยวอยู่เสมอ ความหนาบางของเสี้ยวแตกต่างกันไปในแต่ละตำแหน่งของวงโคจร และปรากฏอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ได้มากที่สุด 47.8 องศา เราจึงสังเกตเห็นดาวศุกร์ได้ในช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนดวงอาทิตย์ขึ้นหรือหลังดวงอาทิตย์ตกเท่านั้น ไม่เคยปรากฏอยู่กลางท้องฟ้าหรือในช่วงเวลาดึก
ทั้งนี้ หากเห็นดาวศุกร์ทางทิศตะวันตกในช่วงหัวค่ำ คนไทยมักเรียกว่า ‘ดาวประจำเมือง’ หากเห็นดาวศุกร์ทางทิศตะวันออกในช่วงเช้ามืด คนไทยมักเรียกว่า ‘ดาวประกายพรึก’
ในปี 2566 ดาวศุกร์จะปรากฏสว่างที่สุด 2 ครั้ง ได้แก่ ครั้งที่ 1 ช่วงหัวค่ำ ในวันที่ 10 กรกฎาคม 2566 ปรากฏสว่างเด่น เห็นชัดเจนด้วยตาเปล่าทางทิศตะวันตกหลังดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าจนถึงเวลาประมาณ 21.09 น. และครั้งที่ 2 ช่วงเช้ามืด ในวันที่ 18 กันยายน 2566 ปรากฏสว่างเด่น เห็นชัดเจนด้วยตาเปล่าทางทิศตะวันออกตั้งแต่เวลา 03.25 น. จนดวงอาทิตย์ขึ้นจากขอบฟ้า