×

เตรียมรับมือ! SCB EIC เตือนเศรษฐกิจไทยปีหน้าจ่อขยายตัวแค่ 1.5% ‘โตต่ำ’ สุดรอบ 3 ทศวรรษ หากไม่นับปีเกิดวิกฤต

16.12.2025
  • LOADING...
เตรียมรับมือ SCB EIC เตือนเศรษฐกิจไทยปีหน้าจ่อขยายตัวแค่ 1.5% ‘โตต่ำ’ สุดรอบ 3 ทศวรรษ หากไม่นับปีเกิดวิกฤต

SCB EIC คาดเศรษฐกิจไทยปีหน้าจ่อโตแค่ 1.5% นับเป็น ‘ครั้งแรก’ ในรอบ 3 ทศวรรษที่ GDP ไทยจะโตไม่ถึง 2% (ไม่นับปีเกิดวิกฤต) จับตาการเมืองเป็นความเสี่ยงขาลง ย้ำภาวะเช่นนี้ตอกย้ำว่า ไทยต้องการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ เพื่อสร้างเครื่องยนต์ใหม่ ยกระดับศักยภาพเศรษฐกิจ ควบคู่กับการสร้างภูมิคุ้มกันเศรษฐกิจรองรับความผันผวนที่รุนแรงขึ้น

 

วันนี้ (16 ธันวาคม) ดร.ยรรยง ไทยเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานวิจัยเศรษฐกิจและความยั่งยืน กล่าวว่า ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (SCB EIC) ได้ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี 2025 ลงมาเล็กน้อยจากโต 2.1% (ประมาณการ ณ พ.ย.) มาเป็น 2.0% เนื่องมาจากการบริโภคเอกชนและการลงทุนภาคเอกชนที่โตต่ำกว่าคาด

 

สำหรับประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2026 SCB EIC คาดว่า จะโตแค่ 1.5% ซึ่งนับเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 ทศวรรษ (ไม่นับช่วงปีวิกฤต เช่น วิกฤตต้มยำกุ้ง วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ น้ำท่วมใหญ่ปี 2554 และการรัฐประหารปี 2557)

 

ดร.ยรรยง กล่าวย้ำว่า “ในทุกปีที่ผ่านมา ยกเว้นช่วงที่เกิดวิกฤต เศรษฐกิจไทยไม่ได้เริ่มต้นปีด้วยการคาดการณ์ว่าการเติบโตจะต่ำกว่า 2% ถามว่า เราเคยโตต่ำกว่า 1.5% หรือ 2% คำตอบคือ ‘เคย’ แต่ทั้งหมดคือปีที่เกิดวิกฤต”

 

“ผมว่า ช่วงข้างหน้าจะเป็นช่วงสำคัญของเศรษฐกิจไทยว่า ถ้าเราไม่เริ่มให้ความสำคัญกับการปฏิรูปเศรษฐกิจอย่างจริงจัง เราอาจจะเห็นตัวเลขแบบนี้กลายเป็น New Normal ของเศรษฐกิจไทย ซึ่งเราไม่อยากเห็น” ดร.ยรรยง กล่าว

 

สำหรับประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2026 ที่คาดว่า จะโตแค่ 1.5% มีแรงกดดันหลักมาจากปัจจัยภายนอก ได้แก่ การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก สงครามการค้า และการแข่งขันรุนแรงจากต่างประเทศ และจากข้อจำกัดเชิงโครงสร้างเศรษฐกิจของไทยที่ชัดเจนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความเปราะบางในภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจที่กระทบต่อกำลังซื้อและการลงทุนในประเทศ และข้อจำกัดการคลังภายใต้ความไม่แน่นอนทางการเมือง

 

“ไทยจึงต้องเร่งปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจเพื่อสร้างเครื่องยนต์ใหม่ ยกระดับศักยภาพเศรษฐกิจ ควบคู่กับการสร้างภูมิคุ้มกันเศรษฐกิจรองรับความผันผวนที่รุนแรงขึ้น”

 

เตรียมรับมือ SCB EIC เตือนเศรษฐกิจไทยปีหน้าจ่อขยายตัวแค่ 1.5% ‘โตต่ำ’ สุดรอบ 3 ทศวรรษ หากไม่นับปีเกิดวิกฤต 1

 

ความไม่แน่นอนทางการเมืองเป็น Downside Risk เศรษฐกิจไทย

 

ดร.ยรรยง กล่าวต่อว่า การยุบสภาที่เร็วขึ้นกว่าไทม์ไลน์เดิม อาจจะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจมากนัก อย่างไรก็ตาม การยุบสภาเร็วขึ้นอาจช่วยให้การประกาศใช้ พ.ร.บ. งบประมาณฯ ปี 2027 ล่าช้าน้อยลง

 

กระนั้น ดร.ยรรยงยังแสดงความกังวลต่อข้อจำกัดด้านการคลังของไทย ที่อาจจะมีผลต่อเศรษฐกิจมากกว่า เนื่องจากข้อจำกัดดังกล่าวกำลังทำให้งบประมาณมีแนวโน้มโตในอัตราที่ชะลอลง เหตุจากรัฐบาลต้องควบคุมดูแลหนี้สาธารณะไม่ให้สูงเกินเพดาน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อสถาบันเครดิตเรตติงและเสถียรภาพทางการคลังในระยะยาว

 

นอกจากนี้ ดร.ยรรยง ยังเตือนว่า ความไม่แน่นอนทางการเมืองอาจจะเป็นความเสี่ยงขาลง (downside risk) ได้ โดยปัจจุบัน SCB EIC มองว่า ไทยจะได้รัฐบาลใหม่หลังยุบสภาในเวลา 5 เดือน หรือจะได้รัฐบาลใหม่ในเดือนพ.ค. โดยใช้ ‘สูตร 2+2+1’ ได้แก่ เลือกตั้งภายใน 2 เดือนตามกรอบกฎหมายกำหนด, กกต.รับรองผลใน 60 วัน, จัดตั้งรัฐบาลได้นายกฯใหม่ 1 เดือน ตามไทม์ไลน์ในอดีต

 

อย่างไรก็ตาม ถ้าการได้รัฐบาลใหม่ยืดเยื้อออกไปก็อาจจะกระทบต่อความเชื่อมั่นการลงทุนและบริโภคได้บ้าง โดยหากยิ่งล่าช้านานก็อาจยิ่งกระทบต่อเม็ดเงินสนับสนุนเศรษฐกิจจากภาครัฐ การเจรจากับสหรัฐฯ ที่ล่าช้าทำให้เสียเปรียบมากขึ้น ไปจนถึงการเสี่ยงปรับลดเครดิตเรตติง

 

เตรียมรับมือ SCB EIC เตือนเศรษฐกิจไทยปีหน้าจ่อขยายตัวแค่ 1.5% ‘โตต่ำ’ สุดรอบ 3 ทศวรรษ หากไม่นับปีเกิดวิกฤต 2

 

เปิดแนวทางการยกระดับเศรษฐกิจ ‘จำเป็นและเร่งด่วน’

 

ดร.ยรรยง กล่าวต่อว่า การยกระดับเศรษฐกิจจึงมีความจำเป็นและเร่งด่วน ดังนั้น นโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ จึงควรเน้น 3S ได้แก่ สร้างเสถียรภาพ (Stabilize), กระตุ้น (Stimulate) และปฏิรูปเชิงโครงสร้าง (Structural reform)

 

พร้อมกล่าวถึงนโยบายที่พรรคการเมืองควรให้ความสำคัญว่า แม้ว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นยังคงจำเป็น แต่ควรดำเนินการอย่างระมัดระวัง และที่สำคัญยิ่งกว่าคือ มาตรการระยะยาวในการปฏิรูปเศรษฐกิจ

 

โดยตัวอย่างนโยบายระยะสั้น เพื่อเรียกความเชื่อมั่นและกระตุ้นเศรษฐกิจ ได้แก่ เร่งเบิกจ่ายงบลงทุน ใช้มาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายแบบ Targeted Timely และ Temporary เป็นต้น

 

ส่วนนโยบายระยะกลาง-ยาว เพื่อวางรากฐานเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เช่น Ease of doing business, Regulatory Guillotine, เร่งเจรจาสรุปข้อตกลงการค้า US และผลักดัน EU FTA การหาตลาดใหม่ และสนับสนุน Local supply chain การผลักดันพ.ร.บ. โลกร้อน ผลักดันอุตสาหกรรมศักยภาพแข่งขันโลกใหม่ได้ ปรับทักษะแรงงานทันกระแสโลก Job matching การปฏิรูปการคลัง เพื่อรักษาความยั่งยืนระยะปานกลาง เป็นต้น

 

เตรียมรับมือ SCB EIC เตือนเศรษฐกิจไทยปีหน้าจ่อขยายตัวแค่ 1.5% ‘โตต่ำ’ สุดรอบ 3 ทศวรรษ หากไม่นับปีเกิดวิกฤต 3

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising