วันนี้ (9 กันยายน) ที่อาคารรัฐสภา นพ. เปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กล่าวแสดงความเห็นถึงหน้าตาของโผคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุทิน 1 ที่มีชื่อคนนอกเข้ามาร่วมด้วย โดยระบุว่า ในฐานะ ‘สว. สีขาว’ ขอแสดงความยินดีด้วยจากใจจริง ที่ อนุทิน ชาญวีรกูล ได้เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี ในช่วงวิกฤติ ซึ่งถ้าเทียบเคียงกับอดีตแล้ว เหมือนช่วงที่ อานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เข้ามาในปี 2535 โดยมีข้อตกลงเหมือนกันคือการเข้ามาเพื่อยุบสภาและเลือกตั้งใหม่
“คุณอนุทินก็เข้ามาและรับเงื่อนไขของพรรคประชาชนว่าให้เวลา 4 เดือน และให้มีการเตรียมการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของประชาชนชาวไทย แต่จากการที่มีข่าวการจัดตั้ง ครม. ปมเห็นว่าเป็นการกระทำที่ดูแล้วจะต้องท้วงติงไว้ เพราะดูเหมือนจะไม่ใช่รัฐบาลเฉพาะกิจที่จะเข้ามายุบสภา หรือเข้ามาเพื่อเตรียมการเลือกตั้งทั่วไป หรือเตรียมการแก้ไขรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด” นพ. เปรมศักดิ์กล่าว
นพ. เปรมศักดิ์ระบุว่า เพราะดูการกระทำที่เห็นจากภาพการแสดงออก จะเห็นว่ารัฐบาลนี้พยายามเป็นรัฐบาลทวินแอ็กชั่น ส่วนแรกคือการสร้างภาพ พยายามที่จะเชิญคนนอกเข้ามาร่วมในเรื่องเศรษฐกิจ เพื่อให้เกิดความหวังแก่ประชาชน ซึ่งผมไม่ขัดข้อง เพราะการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ถือเป็นการกระทำที่ตรงประเด็น
นพ.เปรมศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า แต่ส่วนที่ 2 ที่เป็นการกระทำแบบทวินแอ็กชั่นนั้น หากเป็นการสร้างภาพแล้ว สามารถระดมคนที่จะมาแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจได้ ก็นับว่าก่อให้เกิดผลดีแก่ประชาชน แต่ที่น่ากลัวคือการอุ้มพวก นั่นคือการเอาคนที่ดูเหมือนเป็นคนนอก แต่จริงๆ ยิ่งกว่าคนในเข้ามาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่มีกระแสข่าวว่าเป็น พล.ต.ท. ท่านหนึ่ง ที่เกษียณราชการในตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ซึ่งทราบกันดีว่าภูธรภาค 3 คืออีสานใต้
ทั้งนี้ หากดูประวัติลึกลงไปจะพบว่า ท่านเป็นคนบุรีรัมย์โดยกำเนิด รับราชการก็วนเวียนอยู่ในบุรีรัมย์และสุรินทร์ จนกระทั่งเกษียณอายุราชการโดยการเออร์ลีรีไทร์ และได้ยศ พล.ต.ท. ดังนั้น จึงเป็นคุณสมบัติที่แปลก เพราะถือเป็นบุรีรัมย์คอนเนกชันอีกแล้ว
“จะมีหลักประกันอะไรให้มั่นใจว่าเขาจะมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมที่ทรงความยุติธรรมให้กับประชาชน โดยเฉพาะคดีที่สำคัญคือคดีฮั้ว สว. ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงและประชาชนหวั่นวิตกว่าเรื่องนี้จะถูกเป่าให้หายไปกับสายลมแสงแดดหรือไม่” นพ. เปรมศักดิ์กล่าว
นพ. เปรมศักดิ์ตั้งคำถามถึงนายกรัฐมนตรีว่า บุคลากรทั้งประเทศที่เหมาะสมจะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมไม่มีอีกแล้วหรืออย่างไร จึงต้องเอาอดีตรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 มาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ครม. ที่ประกาศไปหลายต่อหลายกระทรวงไม่ถูกตาถูกใจก็ปรับเปลี่ยน บางทีก็ปรับไปหลายครั้งในหลายกระทรวงจนกว่าจะลงตัว แต่ในกระทรวงยุติธรรมไม่มีปรับไม่มีเปลี่ยน เป็นการสั่งตรงจากเขากระโดงเลยหรือไม่
นอกจากนี้ นพ.เปรมศักดิ์ ยังฝากไปถึง ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส. แบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ว่าทราบหรือไม่ว่าเขาเอา พล.ต.ท. ท่านหนึ่งมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม สิ่งที่ท่านหวั่นวิตกคือคดีเขากระโดง และ คดีฮั้ว สว. จะเป็นไปด้วยความยุติธรรมหรือไม่ เพราะหัวหน้าพรรคประชาชนเอง ท่านเป็นคนให้หลักประกันกับพรรคภูมิใจไทย จนกระทั่งได้คะแนนเสียงเพียงพอที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี อย่าปล่อยให้เรื่องบานปลาย จนเกิดความเสียหายและเพิ่งมาคิดได้ทีหลัง ฝากหัวหน้าพรรคประชาชนด้วยความเคารพรัก อยากให้หัวหน้ามาแก้ปัญหาในเรื่องกระบวนการยุติธรรมที่กำลังถูกคุกคาม
นพ. เปรมศักดิ์ยังตั้งข้อสังเกตถึงนายกรัฐมนตรีที่ควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยระบุว่า จะเกิดมหกรรมโยกย้ายแต่งตั้งในกระทรวงหรือไม่ ต้องมีหลักประกันในการบริหารราชการแผ่นดิน ถ้าไม่ได้ทำก็ดีไป แต่ถ้าทำ คิดว่าประชาชนคงไม่ให้โอกาสท่าน อยากให้เป็นในการเลือกตั้งครั้งหน้าดีกว่า เพราะถ้าตั้งใจมายุบสภาจริง อีกไม่นานก็คงได้เวลา แค่ 4 เดือนไม่ได้นาน
นพ. เปรมศักดิ์ระบุว่า อยากให้เตรียมการรองรับการเลือกตั้งทั่วไป เพื่อให้มีรัฐบาลที่ได้รับการยอมรับจากประชาชนทั่วประเทศ มาจากการแข่งขันทางนโยบายที่ประชาชนเห็นด้วยแล้วค่อยมาว่ากันเรื่องแก้ปัญหาประเทศอย่างยั่งยืน บางทีการสร้างภาพโดยการเอาบุคคลภายนอกเข้ามา ก็อาจจะเป็นการให้ความหวังให้ประชาชนรู้สึกว่า ต่อเวลาให้หน่อยก็ดี แต่จะเกิน MOA หรือไม่
“ขอฝากให้หัวหน้าเท้ง (ณัฐพงษ์) ช่วยดูด้วย การระดมคนเงียบๆ เข้ามา เอาไปเอามา อาจจะเป็นรัฐบาลเสียงข้างมากเมื่อไรก็ไม่ทราบ อาจจะเป็นไฟสุมขอน หัวหน้าเท้งอาจจะไม่ชินกับการเมืองแบบดั้งเดิมที่มีหลายกระบวนท่า แล้วหลังจากนั้นอาจจะมาเสียใจว่า ทำไมขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่เหลาลงไปเป็นบ้องกัญชา และกลายเป็นปัญหาที่ท่านมาใส่ใจ เพราะตัดสินใจผิดพลาดในการลงคะแนนเลือกนายกรัฐมนตรี” นพ. เปรมศักดิ์กล่าว
