ช่วงบ่ายวันนี้ (14 มี.ค.) นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหาร บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ตอบคำถามสื่อมวลชนหลังเดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติม 3 ข้อหา
“ผมปฏิเสธ 3 ข้อหาวันนี้ ผมก็เสียใจที่ทุกคนมีความรู้สึกอย่างนี้กับเรื่องนี้ ผมก็คิดว่าความจริงทุกอย่างจะปรากฏในศาล” นายเปรมชัยกล่าวเมื่อนักข่าวถามว่าอยากจะบอกอะไรกับสังคมในตอนนี้
นักข่าวถามต่อว่า ณ เวลานี้ยังยืนยันว่าไม่ได้ฆ่าเสือดำใช่หรือไม่ นายเปรมชัย กล่าวว่า “ไม่ๆ” ก่อนจะขึ้นรถไปศาลเพื่อพิจารณาฝากขัง
ขณะที่ก่อนหน้านี้ พล.ต.อ. ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ บก.ปทส. เพื่อติดตามสำนวนคดี นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหาร บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หลังตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมอีก 3 ข้อหา ได้แก่ ร่วมกันครอบครองซากสัตว์ป่า (งาช้าง) ข้อหาครอบครองอาวุธปืนผิดกฎหมาย และข้อหาพยายามติดสินบนเจ้าหน้าที่
โดยภายหลังการสอบปากคำ พล.ต.ต. กมล เหรียญราชา ผู้บังคับการ ป.ป.ป. เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวน ป.ป.ป. ได้แจ้งข้อกล่าวหาพยายามติดสินบนนายเปรมชัยเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้จะดำเนินการสอบสวนผู้ร้องทุกข์เพิ่มเติม ซึ่งพล.ต.อ. ศรีวราห์ได้สั่งการให้ไปสอบพยานบุคคลเพิ่มให้ชัดเจนว่า มีการเสนอให้สินบนเป็นอะไร ซึ่งเบื้องต้นในข้อหานี้ นายเปรมชัยปฏิเสธข้อหา
ส่วนคดีที่อยู่ในอำนาจของ ปทส. 2 ข้อหา อยู่ระหว่างสอบปากคำและแจ้งข้อกล่าวหา ซึ่งขณะนี้ผลตรวจอาวุธปืนออกมาเรียบร้อย
โดยกรมศิลปากรตรวจสอบอาวุธปืนยืนยันว่า เป็นปืนโบราณวัตถุ จากลักษณะรูปแบบและลวดลายคาดว่ามีการนำเข้ามาจากต่างประเทศตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 เพื่อเก็บสะสม แต่ตามกฎหมาย พ.ร.บ. โบราณสถาน โบราณวัตถุ อนุญาตให้บุคคลทั่วไปครอบครองโบราณวัตถุได้ เว้นแต่ว่าโบราณวัตถุชิ้นนั้นกรมศิลปากรออกประกาศไว้ว่าห้ามครอบครอง ดังนั้น การครอบครองปืนโปราณของนายเปรมชัย จึงไม่มีความผิดตามกฎหมายฉบับนี้
อย่างไรก็ตาม หากนายเปรมชัยไม่สามารถชี้แจงที่มาของอาวุธปืนได้ ปืนโบราณนี้จะต้องตกเป็นของแผ่นดิน และหากนำเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาตก็จะมีความผิดตาม พ.ร.บ. ศุลกากร
พล.ต.อ. ศรีวราห์ กล่าวต่อว่า ส่วนงาช้างที่ผิดกฎหมาย เกี่ยวข้องกับข้อกฎหมายหลายฉบับ จะต้องประสานกับกรมศุลกากรว่ามีประวัติการนำเข้ามาถูกต้องหรือไม่ หากผิดจะต้องดำเนินการตาม พ.ร.บ. ศุลกากร ซึ่งจะเป็นอำนาจของกรมสอบสวนคดีพิเศษ รวมไปถึงประสานไซเตสว่างาช้างนี้มีการแจ้งหายไว้หรือไม่ ถ้ามีต้องแจ้งข้อหาฐานลักทรัพย์ ซึ่งอำนาจดำเนินการเป็นของอัยการต่างประเทศ
ทั้งนี้ พล.ต.อ. ศรีวราห์กำชับว่า ในข้อหาครอบครองงาช้างและข้อหาครอบครองอาวุธปืนผิดกฎหมายนี้จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 มีนาคม
ซึ่งหลังจากการสอบสวนและแจ้ง 3 ข้อหาเสร็จแล้ว จะนำตัวนายเปรมชัยไปขออำนาจศาลอาญา รัชดาฯ ในการฝากขังในข้อหาครอบครองซากสัตว์ป่าคุ้มครองโดยผิดกฎหมาย (งาช้าง) เพียงข้อหาเดียว เนื่องจากข้อกฎหมายให้ฝากขังได้ทีละหนึ่งข้อหา โดยเหตุผลที่เลือกฝากขังข้อหานี้เนื่องจากเป็นข้อหาที่หนักที่สุดคือ จำคุก 10 ปี ปรับ 4 เท่าของมูลค่างาช้างโดยไม่รวมภาษีอากร