ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลวันนี้ (25 กุมภาพันธ์) พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้ชี้แจงประเด็นที่ สุทิน คลังแสง ส.ส. มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย และประธานวิปฝ่ายค้าน กรณีอภิปรายถึงการแก้ไข ‘ปัญหาความเหลื่อมล้ำ’ ปัญหาเศรษฐกิจ แรงงาน การแก้ปัญหาภัยแล้ง และการเอื้อผลประโยชน์
โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า “การแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำไม่ใช่รัฐบาลไม่ทราบ ดูถูกรัฐบาลเหลือเกินว่า ไม่เคยดูรูปแบบการแก้ไขปัญหาของต่างประเทศ ซึ่งได้มีการนำมาประยุกต์แก้ไขปัญหาของเราทั้งหมด ส่วนที่ฝ่ายค้านกล่าวหารัฐบาลยกเว้นภาษีให้กับอาลีบาบานั้น มีการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ ซึ่งบริษัทดังกล่าวได้เช่าพื้นที่เอกชนเพื่อกระจายสินค้า มีการยกเว้นเฉพาะภาษีอากรขาเข้า แต่เมื่อนำมาขายออนไลน์ในประเทศต้องเสียภาษีปกติ”
สำหรับประเด็นแนวโน้มคนว่างงานในปี 2563 พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า ยังอยู่ในระดับไม่น่ากังวลมากนัก เพราะต้องเทียบอัตราว่างงานในปี 2562 ซึ่งมีแรงงานทั้งสิ้น 38.2 ล้านคน มีผู้ว่างงาน 3.8 แสนคน จึงต้องไปดูว่าว่างงานตรงไหน มีฝีมือตรงความต้องการตลาดหรือไม่ คนที่ว่างงาน เราก็ดูแลตรงนี้
“ก็ต้องไปดูว่า ที่ตกงานเพราะจบมาสาขาใด บางสาขาอาจไม่มีงานทำ ก็ได้ให้กระทรวงศึกษาธิการไปดูว่า สาขาใดที่ตลาดต้องการ ในเดือนมกราคมถึงกันยายน 2562 มีการอนุมัติส่งเสริมการลงทุน 1,074 โครงการ สร้างงานให้คนไทย 59,052 ตำแหน่ง สะท้อนให้เห็นว่า โรงงานหลายแห่งมีความต้องการแรงงานจำนวนมาก แต่ก็ต้องเป็นไปตามที่เขาต้องการ จึงจำเป็นต้องพัฒนาสาขาอาชีวะ และสาขาที่มีงานทำแน่นอน”
ขณะที่ปัญหาเศรษฐกิจถดถอย สถานการณ์หนี้ครัวเรือน พล.อ. ประยุทธ์ ยืนยันว่า รัฐบาลมีมาตรการต่างๆ ในการเข้าไปแก้ไข ซึ่งแม้ว่า หนี้ครัวเรือนจะอยู่ในระดับสูง แต่ก็ยัง ‘ทรงตัว’
“รัฐบาลให้ความสำคัญและแก้ไขปัญหาดังกล่าว ส่วนหนี้บัตรเครดิต หนี้ส่วนบุคคล ก็ต้องมาพิจารณาว่าเราจะอยู่กันได้อย่างไร เศรษฐกิจพอเพียงอยู่ตรงไหน ใช้เงินมีเหตุมีผลพอประมาณ ที่บางครั้งบอกว่าเศรษฐกิจล้ม ก็ต้องไปดูว่า จะต้องลงทุนขนาดไหน บางครั้งก็ใช้การลงทุนมากเกินกำลังตัวเอง ทำให้เกิดปัญหา”
ส่วนข้อกล่าวหาที่ระบุว่า รัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ และนโยบายประชารัฐมีการเอื้อทุนใหญ่ ส่งผลให้ตระกูลเศรษฐีในไทยร่ำรวยเป็นอย่างมากในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ทั้งยังเป็นสาเหตุของปัญหาความเหลื่อมล้ำในประเทศไทยนั้น นายกรัฐมนตรีตอบกลับว่า การจะแก้ไขปัญหาดังกล่าวต้องแก้ด้วยกลไกและกฎหมาย ขณะที่คนไทยที่อยากรวยก็ต้องรู้จักตื่นรู้และกระตุ้นตัวเอง
“ที่ถามว่า ทำไมคนรวยถึงรวยขึ้นๆ ประกอบกิจการถูกกฎหมายหรือไม่ ยืนยันว่า ถ้าทำผิดกฎหมายแม้แต่นิดเดียว รัฐบาลก็ไม่สนับสนุน ไม่ยอม ไม่ให้ ผมสั่งใครไม่ได้ รับผิดชอบไม่ได้ เป็นการอนุมัติจากคณะกรรมการหลายๆ ส่วน ถ้าผมเป็นคนแบบนั้นคงอยู่ไม่ได้แบบนี้
“ผมได้ลงพื้นที่พบปะประชาชนที่เยาวราช พบเศรษฐีคนรวยเป็นเจ้าของกิจการ เมื่อก่อนก็ไม่ได้รวยแบบนี้ มาจากเมืองจีน เสื่อผืนหมอนใบ เขาขอบคุณคนไทยที่ให้ที่อาศัย ทำให้มีกำลังใจในการทำงาน มีรายได้มากขึ้นๆ ต่างจากคนไทยที่จนลงๆ ดังนั้น คนไทยต้องตื่นรู้ กระตุ้นตัวเขา ซึ่งการแก้ปัญหาเหลื่อมล้ำ ต้องแก้ด้วยกลไกและกฎหมาย และที่บอกให้ผมใช้อำนาจนั้น ผมก็ไม่ได้มีอำนาจขนาดนั้น
“เรื่องการเอื้อประโยชน์ให้ตนเองและพวกพ้อง มีหลายท่านเอารูปผมที่ถ่ายกับคนนั้นคนนี้ 24 ตระกูล แต่ผมว่าหายไปตระกูลหนึ่งมั้ง ตระกูลนี้ไปอยู่ไหนก็ไม่รู้ ตระกูลที่รวยผิดปกติหายไปไหนหรือเปล่า แต่ถ้าถูกกฎหมายก็ยังอยู่ได้ ผมว่าหายไปตระกูลหนึ่ง พลาดไปหน่อย การที่มีรูปผมไปอยู่ตรงนั้น ผมถือว่าเป็นการประชุมโดยเปิดเผย มีการพบปะอย่างเปิดเผย แต่ถ้าใครไม่มีรูปแบบนี้แสดงว่า มีการพบปะแบบไม่เปิดเผย ก็ลองไปดูตรงนี้ ผมไม่ได้ไปทะเลาะกับใคร” นายกกล่าว
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล