วันนี้ (27 กุมภาพันธ์) พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงต่อการอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยย้ำว่า รัฐบาลมีมาตรการเตรียมการรองรับทั้งเรื่องภัยแล้ง ไวรัสโคโรนา และเรื่องการลงทุนต่างๆ ซึ่งเริ่มชัดเจนเมื่อมีงบประมาณปี 2563 ออกมาแล้ว จึงขอชี้แจงเพิ่มเติมเพียงเท่านี้ และขอบคุณประชาชน สมาชิกผู้ทรงเกียรติ รวมถึงคนไทยทุกคนที่ร่วมกันรับฟังอภิปรายตลอดระยะเวลา 3 วันที่ผ่านมา ถือว่าทุกคนเป็นคนไทยด้วยกัน ควรร่วมกันรับรู้ข้อเท็จจริง เข้าใจการปฏิบัติงานของรัฐบาล และสภาฯ ที่เลือกตั้งเข้ามา และขอขอบคุณประธานรัฐสภาและ ส.ส. ทุกคน ที่ให้โอกาสฝ่ายรัฐบาลได้ชี้แจงข้อเท็จจริง ซึ่งเป็นเรื่องที่ประชาชนจะต้องรับฟังข้อมูลของแต่ละฝ่าย และสุดแล้วแต่ว่า จะเชื่อมั่นในทางใด ด้วยหลักฐาน กระบวนการ วิธีการต่างๆ นั้น
นอกจากนี้ พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า “เราจะต้องปฏิรูปไปด้วยกันในทุกมิติ ทั้งฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ ดังนั้น การอภิปรายในสภาฯ ครั้งนี้ได้เกิดขึ้นแล้ว ซึ่งเปลี่ยนแปลงไปหลายอย่างด้วยกัน โดยเฉพาะการรักษากติกา การรักษากฎเกณฑ์ระหว่างกัน บางครั้งอาจจะมีถ้อยคำต่างๆ ที่มีความรุนแรงกันบ้าง แต่ก็ต้องขออภัยประชาชนด้วย ในฐานะที่ตนเองเป็นนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่ร่วมกับรัฐบาลทุกคน ซึ่งทุกคนมีส่วนร่วมในการอภิปรายในครั้งนี้
“หลายเรื่องต้องใช้เวลาชี้แจงนานพอสมควร แต่ล้วนเป็นสาระและประโยชน์ ซึ่งอธิบายทุกอย่าง ไม่ว่าจะขั้นตอน กระบวนการ และการออกกฎหมายทั้งหมด ซึ่งการทำงานของรัฐบาลวันนี้ได้เปิดมิติใหม่และร่วมมือกันสร้างความเข้าใจในระบบการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายให้ตรงกัน ไม่เช่นนั้นสิ่งที่ต้องการจะแก้ไขจะเกิดขึ้นไม่ได้ การปฏิรูปจะไม่เกิดขึ้น เครื่องต้องทำใหม่ แก้ไขของเก่าให้เกิดความยั่งยืน ซึ่งขณะนี้มีปัญหาหลายเรื่องหลายประการ ทั้งความมั่นคงเศรษฐกิจ สังคม การลดความเหลื่อมล้ำแก้ปัญหาความยากจนการสร้างเศรษฐกิจใหม่ การลงทุนเพื่ออนาคตลูกหลาน หากไม่เข้าใจกันก็จะทำอะไรไม่ได้เลย ทุกอย่างก็กลับไปที่เดิม
“ยืนยันว่า ผมใช้อำนาจตามระเบียบบริหารราชการแผ่นดินทุกประการ และขอขอบคุณอีกครั้ง ยืนยันกับประชาชนว่า จะทำหน้าที่ต่อไปให้ดีที่สุด หากมีสิ่งใดที่จะทำได้เพิ่มเติมจากคำแนะนำของบรรดาสมาชิกผู้ทรงเกียรติทั้งหลาย ซึ่งเป็นผู้แทนของประชาชนที่เลือกเข้ามา โดยตนเองจะทำงานโดยไม่เลือกพื้นที่ ไม่เลือกภาค ให้ทั่วถึงทุกภาค ทุกกลุ่ม ทุกจังหวัด ทุกองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น ให้เป็นไปตามความต้องการของประชาชนตามความเร่งด่วน ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา 5 ปี 7 เดือน จะต้องทำให้ต่อเนื่อง โดยรัฐบาลต้องระมัดระวังเรื่องกฎหมายความถูกต้องความชอบธรรมและความเท่าเทียมอย่างแท้จริง คำนึงถึงคนทุกกลุ่มทุกฝ่าย เพราะไม่ใช่ศัตรูกัน”
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียอมรับว่า ประเทศไทยยังมีปัญหาอีกมาก ทั้งปัญหาเก่าและปัญหาใหม่ โดยทั้งปัจจัยภายในและภายนอก คนไทยยุคใหม่ต้องยอมรับว่า มีความคิดกระตือรือร้นในการเปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นหน้าที่พวกเราทุกคนในการช่วยกันสร้างความเข้าใจให้บุคคลเหล่านั้น ยืนยันว่า ไม่ใช่ศัตรูกัน เพราะทุกคนล้วนเป็นลูกหลานเราทั้งสิ้น ไม่ว่าจะใครก็ตาม วันนี้จะต้องนำพาประเทศไปสู่ความสงบสุขร่มเย็น ซึ่งทุกคนก็ทราบดีว่า ตนเองเข้ามาด้วยวิธีการใด และขอให้คำนึงถึงรัฐธรรมนูญกฎหมายที่เกี่ยวข้องอีกหลายฉบับที่เกี่ยวข้อง ไม่เช่นนั้นปัญหาก็เกิดขึ้นอีก และความสงบสุขจะมากขึ้นจะเป็นเช่น 5 ปี 7 เดือนที่ผ่านมา หรือไม่ก็ฝากไว้ในมือทุกคน
“เราไม่ต้องการรีดภาษีจากคนจน แต่ต้องการจัดรูปแบบอย่างเป็นธรรมมากขึ้น และต้องใช้ความพยายามอย่างมากผ่านแรงเสียดทานมากในระยะเวลา 5 ปี 7 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งเผชิญปัญหาหลายประการด้วยกัน และคิดว่า พวกเราทุกคนที่ร่วมมือกันในวันนี้ระหว่าง 3 วันที่ผ่านมา ก็คงจะช่วยการทำความเข้าใจการเมืองก็คือ การเมืองการบริหารแผ่นดินก็คือ การบริหารราชการแผ่นดินทั้งหมดเกี่ยวข้องหมด รวมถึงกระบวนการยุติธรรมด้วย ทั้งเรื่องที่ดิน เรื่องการบริหารจัดการน้ำที่มีความเดือดร้อน ต้องช่วยกันแก้ไขและเตรียมความพร้อมดีกว่าที่จะให้มีความขัดแย้งกันต่อไป สิ่งสำคัญทุกฝ่ายต้องเข้าใจกันเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน ซื่อสัตย์ รักษาสิทธิ์ เคารพกฎหมาย เผื่อแผ่แบ่งปันความดีตอบแทนแผ่นดิน ภายใต้พระบารมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อนำความสงบสุขของเราคืนมา” พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวทิ้งท้าย
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล