เช้าวันนี้ ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมคณะ ออกเดินทางไปยังสหราชอาณาจักรและสาธารณรัฐฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 20-26 มิ.ย. 2561
พลโท วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความสำคัญของการเดินทางเยือนในครั้งนี้ว่า ที่ผ่านมาไทยกับประเทศในภูมิภาคยุโรปอาจมีข้อจำกัดของการติดต่อบางประการ แต่หลังจากคณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรปด้านการต่างประเทศได้มีข้อมติ เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2560 ฟื้นการปฏิสัมพันธ์ทางการเมืองในทุกระดับกับประเทศไทยแล้ว จึงได้เชิญพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางเยือนสหราชอาณาจักรและสาธารณรัฐฝรั่งเศส สะท้อนให้เห็นว่า ตลอดระยะเวลา 4 ปี ที่ผ่านมา การบริหารราชการของรัฐบาลได้รับการยอมรับ
.
ทั้งนี้ ภาระกิจสำคัญของนายกรัฐมนตรี ในการเยือนสหราชอาณาจักร และสาธารณรัฐฝรั่งเศสในครั้งนี้ จะมีการพบปะหารือกับเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักร และการเข้าเยี่ยมคารวะและพบหารือกับ เอ็มมานูแอล มาครง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส รวมทั้งการหารือกับภาคเอกชนชั้นนำของอังกฤษและฝรั่งเศส
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ย้ำว่า “ไม่อยากให้มองการเดินทางเยือนครั้งนี้ แค่มิติการเมืองเท่านั้น แต่ขอให้มองในทุกมิติ การเดินทางเยือนยุโรปของนายกรัฐมนตรีเพราะประเทศไทยเป็นที่ยอมรับ ที่สำคัญศักยภาพของคนไทยและประเทศไทย สามารถเป็นคู่ค้าและพันธมิตรที่สำคัญกับนานาประเทศได้”
อย่างไรก็ตาม ก่อนการเดินทางไปเยือนในครั้งนี้ พลเอก ประยุทธ์ ได้เปิดเผยเมื่อวานนี้ภายหลังการประชุม ครม. ประจำสัปดาห์ ถึงความชัดเจนเกี่ยวกับการเลือกตั้งของไทยว่า การเลือกตั้งจะเกิดหลังพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
ขณะที่ นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี อดีต ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ และคณะทำงานด้านเศรษฐกิจ มองว่าเป็นก้าวสำคัญที่ประเทศไทยเริ่มเดินหน้าเชิงรุก หลังจากอียูส่งสัญญาณฟื้นความสัมพันธ์ไทยทุกระดับเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา และหากไม่มั่นใจจริงๆ ก็คงไม่ยกทีมรัฐมนตรีออกไปเดินสายถึง 9 วัน ทั้งที่อียูก็เคยส่งสัญญาณมาแล้วว่าจะไม่ลงนามกับรัฐบาลรัฐประหาร แสดงว่ารัฐบาลไทยก็ต้องมีอะไรดีอยู่ไม่น้อย
โดยเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC น่าจะเป็นคำตอบสำคัญ เพราะเป็นเรื่องที่พลเอก ประยุทธ์ จะปาฐกถาเชิญชวนนักลงทุนมาลงทุนใน EEC