วันนี้ (22 มี.ค.) ที่กลุ่มวิสาหกิจชุมชนปลูกผักอินทรีย์โพธิ์ศรีสำราญ ตำบลหัวนา อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานสักขีพยานมอบสมุดประจำตัวผู้ได้รับการคัดเลือกให้ทำกินในชุมชนโครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน (คทช.) ตามนโยบายของรัฐบาลให้แก่ผู้แทนประชาชน
ทั้งนี้ คณะอนุกรรมการจัดหาที่ดินได้พิจารณาให้ความเห็นชอบนำพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าห้วยส้มและป่าภูผาแดง ในท้องที่ตำบลนากอกและตำบลโนนสะอาด อำเภอศรีบุญเรือง จังหวัดหนองบัวลำภู เนื้อที่ประมาณ 1,512 ไร่ จำนวน 309 แปลง ให้จังหวัดหนองบัวลำภูไปดำเนินการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาลและ คทช. ให้กับราษฎรจำนวน 250 ราย เพื่อเข้าไปทำประโยชน์ในพื้นที่ ประกอบด้วยการสร้างที่อยู่อาศัยและทำการเกษตร โดยส่วนใหญ่จะปลูกยางพารา มันสำปะหลัง และอ้อย
จากนั้นนายกรัฐมนตรีมอบสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบวาตภัยจังหวัดหนองบัวลำภู ซึ่งในปี 2561 จังหวัดหนองบัวลำภูเกิดวาตภัยทั้งหมด 12 ครั้ง มีราษฎรที่ประสบภัย จำนวน 491 คน มีพื้นที่ประสบภัยและได้รับความเสียหาย ได้แก่ อาคารสิ่งก่อสร้าง บ้านพักอาศัยเสียหายบางส่วน 251 หลัง และเสียหายหนัก 71 หลัง ยุ้งข้าว 20 หลัง สถานที่ราชการ 3 แห่ง วัด 2 หลัง และพื้นที่และทรัพย์สินทางการเกษตร ยางพารา – ไร่ สวนผลไม้ – ไร่ โรงเรือนเลี้ยง 1 หลัง
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวพบปะกับประชาชนที่มาให้การต้อนรับตอนหนึ่งว่า ดีใจที่ได้มาเห็นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่มีความสุขจากประชาชน ถึงแม้จะเป็นจังหวัดที่มีรายได้น้อยที่สุดของประเทศ พร้อมกล่าวขอโทษประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการเตรียมพื้นที่ของส่วนราชการ ซึ่งนายกรัฐมนตรีไม่ต้องการสร้างความเดือดร้อนและสร้างภาระในการเตรียมการต้อนรับ ไม่ว่าจะอยู่ภาคไหน อำเภอไหน ทุกคนล้วนเป็นคนไทยด้วยกันทั้งสิ้น ต้องรักและสามัคคี จะแบ่งแยกกันไม่ได้
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า รัฐบาลจะพยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจน ทั้งนี้ส่วนราชการและประชาชนต้องร่วมมือกับรัฐบาล ลดความหวาดระแวง ไว้เนื้อเชื่อใจ และให้เกียรติซึ่งกันและกัน ต้องร่วมกันทำงานแบบบูรณาการ สร้างความเข้มแข็งในภูมิภาคและกลุ่มจังหวัด พร้อมค้นหาขีดความสามารถและพัฒนาต่อไปให้เกิดความยั่งยืน มีความเข้มแข็งด้วยตนเอง โดยรัฐบาลต้องการดูแลประชาชนทั้งประเทศ ซึ่งต้องใช้งบประมาณจากภาษีที่จัดเก็บได้ โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยที่ต้องดูแลมากกว่าคนอื่นๆ ทั้งนี้ทุกคนต้องช่วยกัน อย่ารอให้รัฐบาลช่วยฝ่ายเดียว ต้องเรียนรู้และเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน นำนวัตกรรมเข้ามาประยุกต์ใช้ คิดใหม่ทำใหม่ให้มีคุณค่า สร้างความแตกต่าง พร้อมกับสร้างเรื่องราวที่น่าสนใจให้เชื่อมโยงไปสู่การท่องเที่ยวเชิงชุมชน ชูวัฒนธรรมท้องถิ่นเป็นจุดขาย ส่วนเรื่องการผลิตสินค้าเกษตร ต้องส่งเสริมการผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์ที่คำนึงถึงความต้องการและช่องทางการตลาดเป็นหลัก เพื่อแก้ไขปัญหาราคาสินค้าตกต่ำ รวมถึงการรวมกลุ่มเกษตรแปลงใหญ่ ปลูกพืชให้เหมาะสมกับพื้นที่และปริมาณน้ำ
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า ขอฝากถึงลูกหลานที่ไปทำงานกรุงเทพมหานครให้กลับมาทำการเกษตรในชุมชน อย่าทิ้งให้พ่อแม่ทำการเกษตรอยู่คนเดียว เวลากลับภูมิลำเนาในช่วงเทศกาลต้องซื้อของฝากและนำเงินมาให้พ่อแม่ ไม่ใช่กลับมาแล้วขอเงินพ่อแม่กลับไป พร้อมทั้งฝากให้เรียนสายอาชีพ เน้นเรียนจบมาแล้วมีงานทำ สามารถเลี้ยงดูครอบครัวได้ และรบกวนพ่อแม่ให้น้อยที่สุด
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าต้องการให้หนองบัวลำภูเป็นจังหวัดที่ครอบครัวมีความสุข รักกันให้มากๆ มีความซื่อสัตย์ต่อกัน อย่าให้การเมืองมาสร้างความแตกแยก ขอให้ทุกคนดูแลสุขภาพให้แข็งแรง และเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิดที่ผ่านมา ขอให้ทุกคนร่วมมือร่วมใจ เลิกทะเลาะ เลิกเกลียดกันเป็นของขวัญวันเกิดให้กับตัวเอง และในโอกาสใกล้ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ขอให้ทุกคนระมัดระวังเรื่องความปลอดภัย เมาไม่ขับ ช่วยดูแลซึ่งกันและกันให้มีความปลอดภัย พร้อมกับขอคำมั่นสัญญาจากผู้นำท้องถิ่นให้ช่วยกันเปลี่ยนแปลงประเทศ สัญญาว่าจะไม่ทิ้งกัน และจะไม่ทำให้ประเทศกลับไปเป็นเหมือนเดิม
Photo: สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี