วันนี้ (20 มกราคม) อนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวความคืบหน้าจากข้อสั่งงานของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในการติดตามคดีต่างๆ กรณีเครือข่ายกลุ่มธุรกิจทุนจีนสีเทา
โดย พล.ต.ต. อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ดำเนินคดีนี้ให้ชัดเจน และดำเนินคดีกับทุกคนที่เกี่ยวข้องโดยไม่ละเว้น พร้อมแต่งตั้งให้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) เป็นผู้ควบคุมกำกับ และพบว่าเส้นทางต่างๆ ได้มีการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำไปสู่การยึดทรัพย์ และจับกุมดำเนินคดีกับ ชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ ตู้ห่าว และขยายผลไปสู่ผู้ที่เกี่ยวข้อง รวม 117 ราย มีเอกสารทั้งสิ้น 67 แฟ้ม อายัดทรัพย์สินมูลค่า 5,345 ล้านบาท
อนุชากล่าวอีกว่า พล.อ. ประยุทธ์ยังสั่งการเพิ่มเติมว่า หากทรัพย์สินนั้นสาวไปถึงใคร ให้ดำเนินคดีโดยไม่เว้น ซึ่งได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่พบว่ามีความเกี่ยวข้องกับคดีออกจากข้าราชการไว้ก่อนแล้ว 6 ราย
ทั้งนี้ภาพรวมของคดีตลอดระยะเวลาเกือบ 3 เดือนคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง ขยายผลผู้ร่วมกระทำความผิดทุกราย ขอให้ประชาชนมั่นใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง
“คณะสอบสวนของตำรวจได้ส่งสำนวนเอกสารไปทางสำนักงานอัยการเรียบร้อยแล้ว หากพบว่ามีผู้เกี่ยวข้อง หรือมีข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีนี้ หรือมีการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐานที่จะต้องดำเนินการส่งฟ้องศาล เจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยจะเสนอให้พนักงานอัยการมีความเห็น ให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับผู้ที่มีข้อมูลว่าอาจจะเกี่ยวข้องโดยไม่มีการละเว้น” อนุชากล่าว
ส่วนที่มีการพาดพิงหลานของนายกรัฐมนตรีว่าเกี่ยวข้องกับคดีกลุ่มทุนธุรกิจจีนสีเทานั้น อนุชายืนยันว่าเป็นเพียงการกล่าวอ้างเท่านั้น ยังไม่มีข้อกล่าวหา ซึ่งในส่วนของพนักงานสืบสวนสอบสวนเน้นไปที่ความตรงไปตรงมา หากพบผู้ที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือเอกชน จะต้องดำเนินการตามกฎหมาย หากมีหลักฐานที่ชัดเจน อัยการก็จะดำเนินการต่อไป โดยนายกรัฐมนตรีไม่ต้องการกล่าวอ้างถึงใครหรือพาดพิง แต่เป็นเรื่องของการสืบสวนสอบสวนมากกว่า หากพบสิ่งไม่ถูกต้องก็ให้ดำเนินการตามกฎหมายโดยไม่ต้องเกรงกลัวใครทั้งสิ้น
อนุชายืนยันว่า การที่นายกรัฐมนตรีสั่งการเร่งกวาดล้างคดีต่างๆ ที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ไม่เกี่ยวกับช่วงใกล้เลือกตั้ง เป็นการสั่งการตามนโยบายอยู่แล้ว เนื่องจากเป็นคดีที่ประชาชนสนใจ อีกทั้งนายกรัฐมนตรีต้องการทราบความคืบหน้าการดำเนินการของคดีต่างๆ
นอกจากนี้ อนุชายังกล่าวถึงกรณีการเรียกผลประโยชน์ของ กุศล โชติรัตน์ รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้วยว่า คณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการ และภายในเดือนนี้จะเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมาให้ถ้อยคำเพิ่มเติม
ทั้งนี้ หากดูไทม์ไลน์ ได้ดำเนินการทางวินัยอย่างรวดเร็ว พร้อมกับระบุว่า คดีดังกล่าวแม้ว่าเป็นปัญหาประจักษ์ชัดเชิงวินัย ซึ่งไม่มีใครล้วงลูกคณะกรรมการ 2 ชุด เนื่องจากมีการย้ายอธิบดีมายังสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขอประชาชนสบายใจได้ พร้อมทั้งยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระดับความรุนแรงนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกของกระทรวง ในการสืบสวนสอบสวนจะต้องดำเนินการไปตามระเบียบทั้งสิ้น