วันนี้ (3 มีนาคม) พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี, ธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ อนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ เดินทางไปยังวัดใหม่หญ้าไทร อำเภอลาดบัวหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อติดตามการดำเนินโครงการปรับปรุงระบบชลประทานเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก
ทั้งนี้ มี นิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และ ชูชาติ รักจิตร รองอธิบดีกรมชลประทาน รายงานสรุปการดำเนินโครงการปรับปรุงระบบชลประทานเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก และการเตรียมความพร้อมรับมือน้ำท่วมและภัยแล้ง
พล.อ. ประยุทธ์กล่าวกับประชาชนที่มาต้อนรับว่า รัฐบาลได้ทุ่มงบประมาณจำนวนมากเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จนสามารถป้องกันน้ำท่วมได้ ซึ่งมีหลายอย่างที่รัฐบาลทำให้ประชาชน ใครจะว่าอย่างไรก็ตาม แต่รัฐบาลได้ทำอย่างเต็มที่ การแก้ปัญหาโควิดรัฐบาลก็ทำอย่างเต็มที่ จนได้รับคำชื่นชมจากนานาชาติ ประเทศไทยยังได้รับคำชมเรื่องการวางโครงสร้างพื้นฐานซึ่งดีที่สุดในอาเซียน การให้บริการต่างๆ เราก็เป็นที่สองในอาเซียนรองจากสิงคโปร์ จนต่างชาติได้มายินดีและพร้อมจะมาลงทุนด้วย
พล.อ. ประยุทธ์กล่าวต่อไปว่า ตนมาวันนี้มาในฐานะนายกรัฐมนตรี ทำงานให้คนทั้งประเทศ 70 ล้านคน สิ่งสำคัญที่สุดคืออนาคตของลูกหลานพวกท่าน การศึกษาต้องเรียน ต้องมีงานทำ แต่คนแต่งงานน้อยลงจะมีปัญหาเรื่องแรงงานในอนาคต ด้านสุขภาพรัฐบาลก็ดูแลเต็มที่ เรื่องบัตรทองดีกว่าเดิมหมด วันนี้ทุกคนเข้าถึงการบริการภาครัฐเกือบทั้งหมดแล้ว ทุกคนกดเงินทางโทรศัพท์ได้แล้ว รัฐบาลพยายามจะเติมตรงนี้ให้มากขึ้น
พล.อ. ประยุทธ์กล่าวกับประชาชนที่มาต้อนรับอีกว่า วันนี้ดีใจที่มาพบกันอีกครั้ง เมื่อเช้าได้ไปวัดมาหลายแห่ง ได้ดูทั้งการท่องเที่ยว เศรษฐกิจระดับฐานราก อย่าให้คนมาเรียกเราว่าเป็นรากหญ้า แต่คือเศรษฐกิจฐานราก เพราะบ้านทุกหลังต้องมีฐาน ถ้าชุมชนเข้มแข็ง ประชาชนเข้มแข็ง บ้านก็มั่นคง ดังนั้นต้องเข้มแข็งด้วยตัวเอง ด้วยการสร้างรายได้ในท้องถิ่นในพื้นที่ให้ได้มากที่สุด อยุธยาได้เปรียบเพราะมีพื้นที่ที่อยู่ในเขตชลประทาน แม่น้ำเยอะ แต่บางทีน้ำอาจจะเยอะเกินไปด้วย ตนเห็นใจ แต่สิ่งนี้ก็เกิดมาตั้งแต่โบราณ รัฐบาลได้ดูแลมาโดยตลอด แต่ต้องใช้งบประมาณมหาศาล นี่คือสิ่งที่รัฐบาลพยายามตามเก็บมาโดยตลอด ไม่ใช่เฉพาะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา แต่ต้องทำเรื่องเหล่านี้ต่อไป สิ่งสำคัญที่สุดคือความร่วมมือในการใช้พื้นที่
“ผมมาอยุธยาหลายครั้งและมีความสุขทุกครั้ง มีความอบอุ่นเช่นเคย เมื่อเช้าไปมาหลายวัด มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สิ่งที่ผมอธิษฐานคือเพื่อชาติบ้านเมือง ประชาชนทุกคนให้มีความสุข ก็อวยพรให้ตัวเองบ้างเพื่อให้ผมมีสุขภาพแข็งแรง เพื่อทำงานให้กับประชาชนได้ รวมทั้งให้ครอบครัวปลอดภัย” พล.อ. ประยุทธ์กล่าว
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า สิ่งที่ตนให้ความสำคัญมาโดยตลอดคือเรื่องความเท่าเทียม ต้องเชื่อมโยงทุกคนเข้ากันด้วยความสะดวก ลดเวลา ลดค่าใช้จ่าย นั่นคือเรื่องความเท่าเทียม ด้านโอกาสและความเท่าเทียมในเรื่องกฎหมาย ทุกคนต้องมีกฎหมายที่เท่าเทียมกัน นอกจากนี้ก็เป็นเรื่องความเป็นธรรมเรื่องรายได้ แต่สิ่งสำคัญที่สุดต้องหาเงินเข้าประเทศ วันนี้ไม่ได้มาหาเสียง แต่มาในนามของนายกรัฐมนตรีที่จะต้องดูแลประชาชน 70 ล้านคน จะต้องดูคนทุกช่วงวัยตั้งแต่เด็กให้มีการศึกษาและต้องมีงานทำ ผู้สูงวัยก็จะต้องดูแล เพราะมีเด็กเกิดใหม่น้อยลง
ส่วนในเรื่องสุขภาพเราก็ดูแลเต็มที่อยู่แล้ว พยายามจะทำทุกอย่างให้ดีกว่าเดิม สิ่งสำคัญที่เราจะต้องแก้ปัญหาเรื่องความยากจนและการเข้าถึงการบริการของภาครัฐ ปัจจุบันหลายคนก็เข้าถึงบริการภาครัฐกันได้เกือบหมดแล้ว วันนี้เราต้องใช้ประโยชน์ตรงนี้ให้มากที่สุด ในอนาคตต้องคิดว่าใครเป็นรัฐบาลก็ต้องคิดเรื่องนี้
พล.อ. ประยุทธ์กล่าวต่อไปว่า วันนี้มาพบกันด้วยความเป็นพี่เป็นน้อง ด้วยความห่วงใย พวกเราเป็นคนในยุคเดียวกัน เมืองอยุธยาเป็นเมืองที่มีเสน่ห์เพราะมีประวัติศาสตร์ยาวนาน เมื่อสักครู่นั่งรถมาเห็นมีนาข้าวเต็มไปหมด ทั้งหมดอาจจะต้องดูว่าจะต้องปรับปรุงพันธุ์อย่างไร จะค้าขายอย่างไรให้ได้ดี รัฐบาลพยายามทำอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในภายหน้า ในส่วนของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้คุยกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดว่า จะทำอย่างไรให้พื้นที่แข็งแรงและมีนักท่องเที่ยวเข้ามามากๆ ตนได้คุยกับนักท่องเที่ยว หลายคนบอกว่าดีใจที่ได้มาเที่ยวเมืองไทย เพราะหลบหนาวเข้ามา คนไทยก็ให้ความอบอุ่นกับเขา พวกเขาดีใจ ดังนั้นเจอใครก็ยิ้มไว้อย่างเดียว เพราะประเทศไทยเป็นยิ้มสยาม ยิ้มสู้ไป อย่างน้อยใจเราก็ดีขึ้น ไม่โกรธ ไม่เกลียด อโหสิกรรมให้กัน ตนเป็นคนอโหสิกรรมทุกวัน ไม่ไปด่าหรือไปแช่งใคร ไม่สร้างบาปกัน
พล.อ. ประยุทธ์กล่าวในตอนท้ายว่า วันนี้ดีใจที่ได้ยินเสียงหัวเราะของทุกคน ปกติชอบพูดคนเดียวก็จะอารมณ์ดี แต่บางทีก็อาจจะเห็นในทีวีว่าหงุดหงิด เพราะหงุดหงิดกับคำถาม แต่ถ้าพูดคนเดียวก็จะไม่หงุดหงิด ยืนยันว่าหลังจากนี้จะยังคงทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีเพื่อให้ประชาชนทุกคนมีความสุขต่อไป