วันนี้ (11 พฤษภาคม) พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า สิ่งที่ตนและรัฐบาลพยายามวางแผนทุกวันคือจะช่วยเหลือเยียวยาประชาชนจากผลกระทบที่เกิดขึ้นได้อย่างไร โดยเฉพาะการปิดสถานที่ต่างๆ โดยได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดติดตามดูแลเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อควบคุมสถานการณ์ในแต่ละจังหวัด ปิดกั้นการลักลอบเข้าประเทศอย่างสูงสุด และประเมินสถานการณ์วันต่อวัน หากจังหวัดใดโดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดสีแดงที่มีการปิดสถานที่และข้อจำกัดต่างๆ และมีสถานการณ์ที่สามารถควบคุมได้ดีขึ้นแล้ว ให้มีการพิจารณาผ่อนคลายเงื่อนไขต่อไป เพื่อให้ประชาชนได้กลับเข้าสู่การค้าขาย การเดินทางท่องเที่ยวได้เช่นเดิม ยืนยันว่าตนจะพิจารณาด้วยความรอบคอบ เพื่อรักษาสมดุลทั้งสุขภาพและเศรษฐกิจควบคู่กันไป
ส่วนเรื่องวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่ผ่านมามีการระดมฉีดวัคซีนให้กับบุคลากรทางการแพทย์และผู้ที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง รวมไปถึงผู้สูงอายุ ซึ่งบางคนอาจอยู่ที่บ้านไม่สามารถเดินทางมาฉีดวัคซีนได้ โดยเร่งรัดทุกอย่าง และได้ฉีดวัคซีนไปแล้วกว่า 2 ล้านโดส ตามวัคซีนที่มีอยู่ โดยในแต่ละวันจะระดมฉีดวัคซีนให้ได้หลายหมื่นโดส ส่วนมาตรการการจัดหาวัคซีนฉุกเฉินของรัฐบาล ได้วัคซีนเพิ่มในเดือนพฤษภาคมนี้อีก 3.5 ล้านโดส ซึ่งต้องค่อยๆ สร้างความเข้าใจ สร้างการรับรู้ให้กับประชาชน เนื่องจากอยู่ในขั้นตอนการเจรจา
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีย้ำว่าจะสามารถจัดหาวัคซีนให้กับประชาชนภายในประเทศได้อย่างแน่นอน และจะไม่หยุดในการจัดหาและสำรองใช้เพื่อความปลอดภัยของคนไทยทุกคน ซึ่งประเทศไทยจะเป็นประเทศเดียวในอาเซียนที่จะเป็นศูนย์กลางในการผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของบริษัท AstraZeneca ที่ผลิตโดยบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ ซึ่งมีมาตรฐานสูง ผ่านการรับรองคุณภาพจากทั่วโลก และจะสร้างความมั่นคงยั่งยืนในการต่อสู้ไวรัสโควิด-19 ในระยะยาว และสร้างศักยภาพทางเศรษฐกิจการแข่งขันให้กับประเทศชาติในอนาคต
โดยในการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้ ตนได้เสนอให้การฉีดวัคซีนเป็นวาระแห่งชาติ โดยดำเนินการอย่างครบวงจร ทั้งการจัดหาการกระจาย รวมไปถึงการฉีดเพื่อเร่งสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้กับประเทศไทย สิ่งที่ตนกล่าวไปทั้งหมดจะเป็นจริงไม่ได้ หากประชาชนในประเทศไม่เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ตนจึงขอเชิญชวนประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนให้มากที่สุด เพื่อให้ประเทศไทยนั้นสามารถเดินหน้าต่อไปได้ ตนขอรับรองว่าวัคซีนทุกชนิดที่นำเข้ามายังประเทศไทยได้รับรองคุณภาพ ประสิทธิภาพความปลอดภัย และได้รับการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุขแล้ว และขณะนี้มีการใช้อย่างแพร่หลายทั่วโลก มีการฉีดวัคซีนไปแล้วหลายสิบล้านคน รวมถึงผู้นำประเทศทั่วโลก
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า ผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกยืนยันว่าวัคซีนป้องกันโควิด-19 ทุกชนิดสามารถป้องกันการป่วยรุนแรงหากติดเชื้อ และป้องกันการติดเชื้อและเสียชีวิตได้ 100% ส่วนโอกาสผลข้างเคียงนั้นเกิดขึ้นได้น้อยมาก หากเปรียบเทียบกันแล้วกับโอกาสในการติดโควิด-19 และรายการเสียชีวิตจากโควิด-19 นั้นสูงกว่าการเสียชีวิตหลายเท่า การฉีดแต่ละครั้งจะต้องมีแพทย์เป็นผู้ประเมินความเหมาะสม คอยเฝ้าดูอาการหลังการฉีด ตนและคณะรัฐมนตรี รวมไปถึงฝ่ายค้านต่างก็มีผู้ฉีดวัคซีนโควิด-19 ไปแล้ว แต่ยังไม่มีผลข้างเคียงใดๆ
โดยล่าสุดมีการลงทะเบียนยืนยันนัดหมายการฉีดวัคซีนผ่านระบบหมอพร้อมและช่องทางต่างๆ สำหรับผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง มีผู้ลงทะเบียนแล้วกว่า 1.6 ล้านคน ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ 500,000 คน และลำปาง 200,000 คน ซึ่งถือมีความตื่นตัวในพื้นที่อย่างดีเยี่ยม ตนขอชื่นชมจังหวัดลำปาง โดยขอให้ทุกจังหวัดได้เร่งดำเนินการให้ผู้มาขอวัคซีนให้ได้มากที่สุดผ่านกลไกในพื้นที่ ตนในฐานะรัฐบาลก็จะพิจารณาจัดสรรวัคซีนลงไปในพื้นที่ให้
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีอยากให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการช่วยชาติช่วยชุมชนก้าวผ่านวิกฤตในครั้งนี้ คำนึงถึงผลกระทบจากการใช้ข่าวสารที่ไม่รู้ที่มา ไม่มีการตรวจสอบข้อมูลที่ถูกต้องแน่นอน อาจสร้างความวุ่นวายให้กับสังคม นอกจากนั้น อาจมีผู้เจตนาหรือไม่เจตนาสร้างข้อมูลเท็จหรือเฟกนิวส์ ตนขอให้หยุดการกระทำเหล่านี้ เพราะเป็นการซ้ำเติมสร้างความเดือดร้อนและความเสี่ยงให้กับตนเองคนรอบข้างและประเทศชาติ ทั้งนี้ ตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เข้มงวดและดำเนินการตรวจสอบ และจะดำเนินการทันทีหากพบการกระทำความผิดตามกฎหมาย จึงขอให้ทุกคนได้ร่วมแรงร่วมใจทำ เพื่อประเทศชาติและส่วนรวมจะสามารถก้าวผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกัน
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล