วันนี้ (6 มกราคม) สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เดินทางตรวจเยี่ยมและร่วมประชุมมอบนโยบายให้กับผู้บริหารของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ที่อาคาร กสท โทรคมนาคม ถนนเจริญกรุง เขตบางรัก กรุงเทพฯ
สมคิดกล่าวหลังการประชุมว่า โครงการต่างๆ ที่เป็นธงนำจะต้องเกิดขึ้นให้ได้ภายในปีนี้ ทั้งเรื่องรถไฟ 3 สนามบินต้องเริ่มก่อสร้างภายในปีนี้ให้ได้ ส่วนท่าเรือมาบตาพุด และแหลมฉบังอยู่ในวิสัยที่เริ่มได้ ขณะที่สนามบินอู่ตะเภาคิดว่าไม่น่าจะช้า
ทั้งนี้สิ่งสำคัญที่เน้นย้ำในที่ประชุมคือเศรษฐกิจฐานรากชุมชนทั้งหลายที่อยู่ใน 3 จังหวัด EEC ต้องได้รับอานิสงส์จากโครงการนี้คือ เกษตร ท่องเที่ยว SME ซึ่งต้องกระจายการลงทุนไปสู่ฐานรากให้ได้ และดึงเอาเอกชนเข้าไปร่วมพัฒนาโดยตนมีความตั้งใจอยู่แล้วว่าจะพัฒนาชนบทแถบนั้นโดยใช้ทุกๆ องคาพยพที่อยู่ในการดูแลของตนเท่าที่จะทำได้
ขณะที่ คณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) กล่าวว่า ปี 2562 การลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมของ EEC ทั้งหมด รวมกับการลงทุนนอกนิคมอุตสาหกรรมรวมกันแล้วมีเม็ดเงินราว 4 แสนล้านบาท
“อันนี้คือเงินลงทุนจริง นี่คือตัวเลขที่ลงทุนจริงๆ ส่วนตัวเลขคำขอ BOI ก็อีกส่วนหนึ่ง” คณิศกล่าว
ขณะที่เม็ดเงินการลงทุนในพื้นที่ EEC ตั้งเป้าไว้ที่ปีละ 3 แสนล้านบาท คาดจะดัน GDP ประเทศโต 1.5% ต่อปี
คณิศยังกล่าวถึงโครงการสมาร์ทซิตี้ว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อยากได้เมืองแถวจังหวัดฉะเชิงเทราที่ใกล้ๆ รถไฟความเร็วสูงให้กับคนรุ่นหนุ่มสาวไปอยู่ เพราะที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ ราคาแพงมาก คอนโดฯ 30 ตารางเมตรแถวรัชดาราคา 5-6 ล้านบาท เพราะฉะนั้นถ้าสามารถออกไปอยู่ข้างนอกและสามารถเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ได้ภายใน 30 นาทีก็น่าสนใจ ขณะนี้กำลังดูพื้นที่อยู่ ตอนนี้ทำผังเมืองคลุมพื้นที่ก่อนว่าตรงไหนจะเป็นอะไรเพื่อเตรียมพื้นที่ไว้ว่าตรงไหนที่จะเป็นเมืองใหม่ได้
ส่วนค่ารถไฟที่ราคาประมาณ 300 บาท ถึงแม้จะดูราคาแพงแต่ก็เป็นไปได้หากรัฐบาลสนับสนุนผ่านรูปแบบคูปองเพื่อให้ราคาค่าเดินทางด้วยรถไฟความเร็วสูงถูกลง
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า