จากกรณีที่ ชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ไม่อนุญาตให้ พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ขึ้นอภิปรายนโยบายของรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยให้เหตุผลว่าพลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ ได้อภิปรายเสร็จสิ้นไปแล้วนั้น
ล่าสุด 7 พรรคร่วมฝ่ายค้าน ประกอบด้วย พรรคเพื่อไทย, พรรคอนาคตใหม่, พรรคเสรีรวมไทย, พรรคเศรษฐกิจใหม่, พรรคเพื่อชาติ, พรรคประชาชาติ และพรรคพลังปวงชนไทย ได้ร่วมกันแถลงข่าวกรณีดังกล่าว โดยพลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ ระบุว่าในวันนี้มี 3 ประเด็นที่รัฐบาลมีปัญหาที่ตนเองจะอภิปราย ประเด็นแรกคือกรณีของคุณสมบัตินายกรัฐมนตรี ประเด็นที่สองคือการแถลงนโยบายของนายกรัฐมนตรี ประเด็นที่สามคือการถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนปฏิบัติหน้าที่ของคณะรัฐมนตรีชุดนี้
เมื่อวานนี้ตนเองมีปัญหาระหว่างการอภิปรายในประเด็นแรก มีการประท้วง และสุดท้ายต้องพักการประชุม กระทั่งประธานรัฐสภา พรเพชร วิชิตชลชัย กลับมาทำหน้าที่อีกครั้ง ซึ่งไม่ทราบว่าไปพูดคุยกับใครจึงมีการสั่งให้ถอนคำพูดกรณีระบุว่ามีการโกงการเลือกตั้ง เมื่อตนไม่ถอน ประธานก็สั่งให้ออกนอกห้องประชุมตามข้อบังคับข้อ 114 ตนออกไป 2 นาทีก็กลับมาใหม่ ประธานก็ไม่ได้ว่าอะไร ขณะที่ตนนั่งอยู่ในที่ประชุม
วันนี้ตั้งใจจะมาอภิปรายอีก 2 ประเด็นคือ คำแถลงนโยบายของรัฐมนตรีและการถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้าปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ โดยการอภิปรายต้องมีการใช้คลิปและเอกสาร ซึ่งท่านประธานรัฐสภา ชวน หลีกภัย ก็อนุญาตให้ใช้คลิปและเอกสารเหล่านั้นได้ กระทั่งมีการหารือกับวิปฝ่ายค้านเพื่อขออภิปราย แต่ปรากฏว่าเมื่อจะเริ่มการอภิปราย ประธานชวนไม่อนุญาตให้พูด และได้เล่าข้อเท็จจริงให้ประธานฟัง เพราะประธานไม่ได้อยู่ในที่ประชุม ตนได้เวลาในการอภิปราย 45 นาที ซึ่งเมื่อวานใช้ไปเพียง 9 นาทีเท่านั้น ตนยังมีเวลาเหลือในการอภิปราย จึงขอขึ้นอภิปราย
ยืนยันว่าประธานชวนทราบดีว่าตนเองจะพูดเรื่องอะไร รวมทั้งคลิปและเอกสารที่ได้ยื่นไป จึงขอตั้งคำถามว่าเหตุใดจึงไม่อนุญาตให้พูด ไม่มีข้อบังคับห้าม ตนเป็นคนรักษาคำพูด เมื่อไม่ให้พูดก็ไม่พูด
ส่วนประเด็นเรื่องคำแถลงนโยบายของนายกรัฐมนตรีจะให้ นายแพทย์เรวัต วิศรุตเวช เป็นผู้อภิปราย ส่วนประเด็นของการถวายสัตย์จะให้ วิรัตน์ วรศสิริน ส.ส. บัญชีรายชื่อเป็นผู้อภิปราย แต่กรณีการเปิดคลิป ประธานไม่อนุญาต
“เมื่อท่านประธานชวนไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับ ไม่อนุญาตให้พูด ก็ขอใช้สิทธิตามกฎหมายในการฟ้องร้องดำเนินคดี เนื่องจากท่านเองก็บอกว่าเชิญ ผมก็รับคำท้า เพราะผมเป็นฝ่ายโจทก์ ส่วนท่านก็ไปแก้ตัวกับศาลเองแล้วกัน ส่วนตัวผมก็เคารพท่าน ก็เอื้อกันไปมา ขออะไรมาก็ให้ แต่วันนี้ไม่ใช่คุณชวนคนเดิม จะเป็นการฟ้องร้องในคดีอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157”
ด้าน นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส. น่าน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่าเราต้องการปกป้องการทำงานของ ส.ส. เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก โดยจะทำหนังสือถึงประธานรัฐสภาให้ทราบในวันนี้ว่าการทำหน้าที่ของพลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ เป็นเอกสิทธิ์ เป็นหน้าที่ในการอภิปรายภายใต้กรอบที่กำหนด เพราะทุกฝ่ายได้ตกลงกันไว้เรียบร้อยเพื่อให้คืนสิทธิ คืนเวลาให้พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ หากท่านอนุญาต และจะขอหารือต่อที่ประชุมร่วมด้วยเพื่อให้เกิดความชัดเจนเป็นมาตรฐานในอนาคต การดำเนินคดีเป็นเรื่องของพลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ เป็นเรื่องส่วนตัว ส่วนพรรคร่วมไม่ได้อยากให้มีการฟ้องร้อง เพียงแต่ต้องการให้ประธานทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา
ขณะที่ พลโท พงศกร รอดชมภู ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่ารัฐสภาเป็นอำนาจอธิปไตยสูงสุดในระบอบการปกครอง สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการประท้วง เป็นการทำงานปกติของสภา ประธานสามารถควบคุมการประชุมได้ตามที่วินิจฉัย เมื่อถูกเชิญออกก็เป็นเรื่องของการควบคุม แต่สิทธิการอภิปราย การพูดจาของ ส.ส. ยังมีอยู่เต็ม ซึ่งอันนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่
พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ กล่าวในตอนท้ายของการแถลงข่าวว่าเมื่อ 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านลงนามในหนังสือถึงท่านประธานรัฐสภา พรรคเสรีรวมไทยจะมีการแถลงใน 2 ประเด็นที่ไม่ได้มีการอภิปรายต่อสื่อมวลชนอีกครั้งหนึ่ง
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์