วานนี้ (9 มีนาคม) พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการเข้ารับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของคณะรัฐมนตรีว่า การฉีดวัคซีนของ AstraZeneca ตนได้ตัดสินใจว่าในวันศุกร์ที่ 12 มีนาคมนี้ ตนและคณะรัฐมนตรีทุกคนจะเดินทางไปฉีดวัคซีนที่สถาบันบำราศนราดูร ซึ่งมีความพร้อมที่จะฉีด เพราะมองว่าคณะรัฐมนตรีมีความจำเป็นที่จะต้องฉีด เนื่องจากมีความเสี่ยง ต้องพบปะประชาชนเป็นจำนวนมาก และความเห็นดังกล่าวทีมแพทย์เป็นผู้เสนอมา
สำหรับการนำเข้าวัคซีนของบริษัทเอกชน พล.อ. ประยุทธ์ ระบุว่าองค์การอาหารและยา (อย.) ได้เรียกผู้ประกอบการนำเข้า รวมถึงสมาคมแพทย์และโรงพยาบาลเอกชนเข้าพบเพื่อหารือแผนการนำเข้า ยืนยันว่าตนเองไม่ปิดกั้นการนำเข้าวัคซีน ซึ่งเป็นการใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉินเท่านั้น และที่สำคัญคือผู้ผลิตวัคซีนต้องการขายโดยมีสัญญาแบบ G2G ซึ่งจะต้องมีการแก้ไขระเบียบตรงนั้น ซึ่งทำให้การสั่งจองนั้นไม่สำเร็จ หากสามารถสั่งจองได้ ตนก็ยินดีที่จะให้นำเข้า แต่จะต้องระมัดระวังเรื่องการฉีด โดยมองว่าในระยะต่อไปเป็นเรื่องดีที่เอกชนจะช่วยในเรื่องการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมมากขึ้น ซึ่งถือเป็นทางเลือกให้กับประชาชนที่มีกำลังจ่าย แม้จะมีราคาสูง
ทั้งนี้ พล.อ. ประยุทธ์ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่าสำหรับวัคซีนต้องรอการกำหนดมาตรฐานกลางขององค์การอนามัยโลก (WHO) ออกมาก่อน เนื่องจากวัคซีนแต่ละแหล่งผลิตไม่เหมือนกัน
ส่วนการเตรียมความพร้อมเปิดแหล่งท่องเที่ยวนั้นจะเป็นอย่างไร พล.อ. ประยุทธ์ ยืนยันว่าอยากให้ทุกอย่างดีขึ้น เรามองว่าทุกอย่างนั้นต้องคิด ซึ่งตนได้บอกคณะรัฐมนตรีเพื่อเป็นการกำหนดวิสัยทัศน์ในการประชุมไว้แล้วว่าประเทศควรเดินหน้าต่อไปในอนาคตอย่างไร
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์