วันนี้ (7 กรกฎาคม) อนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามการประเมินสถานการณ์น้ำของประเทศ ซึ่งกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมอุตุนิยมวิทยา, สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน), กรมทรัพยากรน้ำ, กรมชลประทาน, กรมทรัพยากรธรณี, การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ฯลฯ พบว่าปัจจุบันภาพรวมปริมาณฝนทั้งประเทศต่ำกว่าค่าปกติ 25% ซึ่งที่ผ่านมาในหลายพื้นที่ยังมีฝนตกน้อยกว่าค่าเฉลี่ย โดยฝนจะตกในพื้นที่ภาคใต้เป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะภาคใต้ฝั่งตะวันตก
ขณะที่สถานการณ์น้ำในแหล่งน้ำทั่วประเทศมีปริมาณน้ำรวม 40,808 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) คิดเป็น 50% ของความจุรวมทั้งหมด ในปริมาณนี้เป็นน้ำใช้การ 16,698 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 29% ซึ่งปัจจุบันมีการใช้น้ำนับจากช่วงต้นฤดูฝนไปแล้วประมาณ 10% โดยภาคกลางเป็นพื้นที่ที่มีปริมาณน้ำต้นทุนน้อยที่สุดในขณะนี้ สำหรับการจัดสรรน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 35 แห่งให้แก่พื้นที่ต่างๆ มีการจัดสรรแล้วรวม 6,604 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 42% ของแผนทั้งหมด โดยภาคที่มีการจัดสรรน้ำมากที่สุด ได้แก่ ภาคเหนือ โดยจัดสรรไปแล้ว 54% ของแผน
อนุชากล่าวว่า รัฐบาล โดย กอนช. ได้จำลองปริมาณน้ำจากปี 2562 เพื่อใช้คาดการณ์ปริมาณน้ำใช้การของอ่างฯ ขนาดใหญ่ ณ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 พบว่า จะมีปริมาณน้ำใช้การ 26,071 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 55% ซึ่งน้อยกว่าเมื่อปีที่แล้ว และคาดว่า ณ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 จะมีอ่างฯ ขนาดใหญ่ จำนวน 21 แห่ง มีโอกาสเสี่ยงน้ำน้อย ได้แก่ ภาคเหนือ 7 แห่ง ภาคตะวันออก 6 แห่ง ภาคตะวันตก 4 แห่ง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2 แห่ง และภาคกลาง 2 แห่ง
นอกจากนี้ จากการคาดการณ์ปริมาณน้ำใช้การล่วงหน้าในปี 2567 พบว่า ณ วันที่ 1 มิถุนายน 2567 จะมีปริมาณน้ำใช้การ 12,162 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 26% และ ณ วันที่ 1 กรกฎาคม 2567 จะมีปริมาณน้ำใช้การ 11,646 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 25% ซึ่งลดลงไปประมาณครึ่งหนึ่งจากวันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 โดย กอนช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำเป็นต้องติดตามเฝ้าระวังการใช้น้ำ
รวมทั้งติดตามในเรื่องแผนการจัดสรรน้ำอย่างเคร่งครัด โดยระบายน้ำให้มีความสอดคล้องกับสถานการณ์ และใช้เสริมจากปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาเท่านั้น เพื่อให้มีน้ำสำรองกักเก็บไว้ในแหล่งน้ำ โดยเฉพาะในอ่างฯ ขนาดใหญ่ให้ได้มากที่สุด รวมถึงมีการจัดรอบเวรการรับน้ำ แบ่งออกเป็น ต้นคลอง กลางคลอง และปลายคลอง เพื่อให้สามารถกระจายน้ำให้แก่ทุกพื้นที่ที่ต้องการใช้น้ำได้อย่างทั่วถึง ขณะนี้มีพื้นที่ซึ่งมีการจัดรอบเวรการส่งน้ำโดยกรมชลประทานแล้ว ได้แก่ คลองมะขามเฒ่าอู่ทอง ตั้งแต่จังหวัดชัยนาทถึงจังหวัดสุพรรณบุรี และคลองชัยนาท-ป่าสัก
พร้อมกันนี้ รัฐบาล โดย กอนช. ได้ประเมิน วิเคราะห์พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม น้ำแล้ง ล่วงหน้า 6 เดือน ตามปริมาณฝนคาดการณ์ ONE MAP พบว่า มีพื้นที่ที่มีภาวะความเสี่ยงในการขาดแคลนน้ำ โดยเฉพาะพื้นที่ตอนกลางของประเทศ และยังคงมีพื้นที่ซึ่งเป็นแนวรับลมที่มีความเสี่ยงน้ำท่วมจากฝนตกหนัก โดยในเดือนกรกฎาคม 2566 พบว่า มีพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมในบริเวณชายขอบของประเทศ ได้แก่ พื้นที่ภาคเหนือตอนบนในจังหวัดเชียงราย จังหวัดพะเยา และจังหวัดน่าน พื้นที่บริเวณชายขอบของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พื้นที่ภาคกลางในจังหวัดเพชรบูรณ์ บริเวณลุ่มน้ำป่าสัก และพื้นที่ภาคใต้ ตั้งแต่จังหวัดระนองลงไป และพบพื้นที่เสี่ยงแล้ง เช่น จังหวัดจันทบุรี และจังหวัดเพชรบุรี จึงขอย้ำให้ประชาชนติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดผ่านช่องทางเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน National ThaiWater เพื่อเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที