วันนี้ (21 พฤษภาคม) ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่า พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ สทนช. เร่งดำเนินการตั้งคณะทำงานกำหนดพื้นที่พัฒนาน้ำบาดาลขึ้น เพื่อทำหน้าที่พิจารณา วิเคราะห์ปริมาณน้ำบาดาล กำหนดแนวทางการพัฒนาหลักเกณฑ์การขุดเจาะน้ำบาดาล ตลอดจนการบริหารศักยภาพน้ำบาดาลในภาพรวม การกำหนดพื้นที่พัฒนาให้สอดคล้องกับศักยภาพน้ำบาดาล และเป้าหมายตามแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี (พ.ศ. 2561-2580)
เพื่อให้การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำบาดาลเกิดประโยชน์สูงสุดและยั่งยืน โดยคณะทำงานชุดดังกล่าวจะประกอบด้วย กรมทรัพยากรน้ำบาดาล กองทัพบก หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กรมการทหารช่าง กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวม 14 หน่วยงาน รวมถึงผู้ทรงคุณวุฒิร่วมเป็นคณะทำงาน
ทั้งนี้ การแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำช่วงฤดูแล้ง ปี 2562/63 ที่ผ่านมา โครงการขุดเจาะน้ำบาดาลมีบทบาทสำคัญในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำเป็นอย่างมาก ซึ่งมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2563 และวันที่ 17 มีนาคม 2563 ได้เห็นชอบให้หน่วยงานที่รับผิดชอบ ได้แก่ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล การประปาส่วนภูมิภาค กรมการข้าว กองทัพบก และหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา ดำเนินโครงการขุดเจาะน้ำบาดาลเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวรวม 1,297 โครงการ ได้ปริมาณน้ำบาดาลเพิ่มขึ้น 11.11 ล้านลูกบาศก์เมตร
นอกจากนี้ ดร.สมเกียรติ กล่าวเสริมว่าจากรายงานการติดตามสถานการณ์น้ำบาดาลในประเทศไทย ปี 2562 ซึ่งเป็นการเก็บข้อมูลย้อนหลังตั้งแต่ปี 2558-2562 จากการจัดทำบ่อสังเกตการณ์น้ำบาดาล จำนวน 2,506 บ่อทั่วประเทศ โดยกรมทรัพยากรน้ำบาดาลพบว่าเนื่องจากที่ผ่านมามีการใช้น้ำบาดาลค่อนข้างมาก ทำให้ส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำในชั้นน้ำบาดาล ซึ่งมีแนวโน้มลดลงในหลายพื้นที่ เช่น ภาคเหนือที่บริเวณพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมจังหวัดลำพูน ภาคกลางตอนบน และภาคกลางตอนล่างหลายพื้นที่ เช่น จังหวัดพิจิตร ชัยนาท และสุพรรณบุรี ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พื้นที่น้ำบาดาลลดลงกระจายเป็นบริเวณกว้างในพื้นที่ชุมชนและแหล่งอุตสาหกรรม ภาคตะวันออก บริเวณจังหวัดชลบุรีและระยอง และภาคใต้ในพื้นที่จังหวัดสงขลา นอกจากนั้นการขุดเจาะบ่อบาดาลและการนำน้ำขึ้นมาใช้ประโยชน์อาจเกิดการสูญเปล่าด้านพลังงานและงบประมาณที่ต้องมีความชัดเจน
“การจัดตั้งคณะทำงานกำหนดพื้นที่พัฒนาน้ำบาดาลในครั้งนี้จะนำข้อมูลทางวิชาการดังกล่าวและข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องมาประกอบการวางแผนการบริหารจัดการ การกำหนดพื้นที่ขุดเจาะน้ำบาดาล การฟื้นฟูสภาพแหล่งน้ำบาดาลในพื้นที่เฝ้าระวังให้กลับมามีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น โดยเป็นการกำหนดกรอบแนวทางการปฏิบัติงานของทุกหน่วยงานร่วมกัน เพื่อให้การแก้ไขปัญหาในระยะต่อไปเป็นไปอย่างยั่งยืนและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด สอดคล้องกับพระราชบัญญัติน้ำบาดาล พ.ศ. 2520 และแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปีด้วย” ดร.สมเกียรติ กล่าว
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
ห้ามพลาด! ฟอรัมที่เจาะลึก New Normal ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทยจากวิทยากรระดับประเทศ 40 คน ซื้อบัตรงาน THE STANDARD ECONOMIC FORUM ที่ https://www.eventpop.me/e/8705-economic-forum