พลตำรวจเอก วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้ากรณีนาฬิกาหรูและแหวนเพชรของพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ระบุว่าเป็นหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ฝ่ายตรวจสอบทรัพย์สินดำเนินการตรวจสอบตามกระบวนการขั้นตอนซึ่งมีแนวทางอยู่แล้ว
ส่วนกรณีที่ในโซเชียลมีเดียมีข้อมูลนาฬิกาพลเอก ประวิตร เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งประธาน ป.ป.ช. ระบุว่า ก็อาจจะต้องใช้เวลามากขึ้น การจะขยายเวลาการสรุปคดีออกไปเกินเดือนมกราคมหรือไม่ ขึ้นอยู่กับเอกสารและข้อเท็จจริง การทำงานของ ป.ป.ช. บางทีก็อยากกำหนดกรอบเวลาให้ชัดเจน แต่เมื่อทำไปแล้วพบว่าข้อมูลยังไม่ครบถ้วนที่จะเสนอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. วินิจฉัย ก็จำเป็นต้องขยายเวลาไป
ประธาน ป.ป.ช. ย้ำให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทำงานเรื่องนี้อย่างเต็มที่ โปร่งใส และเป็นไปตามพยานหลักฐาน พร้อมยืนยันว่าไม่เคยพูดคุยกับพลเอก ประวิตร เรื่องนี้เป็นการส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็นการปรับทุกข์หรือปรึกษาในข้อกฎหมาย
“ผมไม่หนักใจ เรียนตรง ๆ ว่ามันจะเป็นมติคณะกรรมการ ไม่ใช่ตัวผม คน 9 คน กฎหมายบอกว่ามติจะเป็นอย่างไรต้องอาศัยเสียงข้างมากที่มีอยู่ ดังนั้นคนใดคนหนึ่งจะไม่มีอิทธิพลต่อมติต่อคณะกรรมการ กรรมการทุกท่านจะต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่ออกมา ผมไม่ได้หนักใจอะไร” ประธาน ป.ป.ช. กล่าว
ในวันเดียวกันนี้ เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว. และสมาชิกพรรคเพื่อไทย เดินทางมายื่นหนังสือถึงคณะกรรมการ ป.ป.ช. ขอให้ใช้อำนาจตามกฎหมาย ป.ป.ช. มาตรา 78 อายัดนาฬิกา และแหวนเพชรรวมถึงทรัพย์สินอื่นๆ มาไว้ก่อน เพราะถือเป็นวัตถุแห่งคดี ทั้งนี้เห็นว่าการเชิญบุคคลภายนอก 4 คนมาให้ถ้อยคำเพิ่มเติมนั้นอาจไม่เพียงพอ จึงเห็นว่า ป.ป.ช. ควรขอให้พลเอก ประวิตร นำส่งเครื่องประดับและทรัพย์สินทั้งหมด เพื่อเป็นการแสดงเจตนาว่าประสงค์จะให้ตรวจสอบทรัพย์สินของท่าน
เรืองไกร ตั้งข้อสังเกตด้วยว่า การดำเนินการสอบสวนของ ป.ป.ช. กรณีพลเอก ประวิตร อาจผิดขั้นตอนและมีมาตรฐานต่างจากกรณีของนักการเมืองและข้าราชการระดับสูงคนอื่นๆ ซึ่งที่ผ่านมาทั้งกรณีของพลเอก เสถียร เพิ่มทองอินทร์ อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม และนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม ก็มีการอายัดวัตถุแห่งคดีไว้ตรวจสอบทั้งสิ้น พร้อมเปรียบเทียบกรณีที่ ป.ป.ช. เคยตรวจสอบนาฬิกามูลค่า 2.5 ล้านบาทของอดีตนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่ง ป.ป.ช. ก็รู้แนวทางปฏิบัติอยู่แล้ว
“ผมเห็นว่าพลเอก ประวิตร ควรบอกให้หมดว่าทรัพย์สินอื่นๆ มีเท่าไร ไม่ใช่ให้สื่อต้องมาขุดคุ้ยอย่างเช่นทุกวันนี้” เรืองไกร กล่าว