วันนี้ (14 กันยายน) ที่วัดวิบูลย์ธรรมาราม เขตหนองจอก พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและติดตามสถานการณ์น้ำ พร้อมแจกถุงยังชีพเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วม
พล.อ. ประวิตรกล่าวว่า วันนี้ตนเองพร้อมคณะ ผู้ว่าฯ กทม. ถือโอกาสมาลงพื้นที่เยี่ยมประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม จากฝนที่ตกหนักต่อเนื่องจนเกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ ทั้ง กทม. และพื้นที่ริม กทม. แต่ขอยืนยันว่าไม่ทอดทิ้งให้ประชาชนเขตริม กทม. ต้องรับสถานการณ์น้ำท่วมตลอด
ได้ประสานหน่วยงานติดตั้งเครื่องสูบน้ำ 18 ตัว เพื่อเร่งสูบน้ำออกจากพื้นที่แล้ว ขอให้ประชาชนไม่ต้องเป็นห่วงหรือกังวล และขอให้เชื่อมั่นรัฐบาลว่าทุกหน่วยงานภายใต้การนำของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สามารถทำงานให้กับพี่น้องประชาชนทุกคนได้ ให้ไม่ต้องได้รับผลกระทบ พร้อมเชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะเร่งระบายน้ำได้อย่างแน่นอน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนโดยเร็วที่สุด ซึ่งฝนจะตกอีกหนึ่งถึงสองวันเท่านั้นแล้วจะหยุดตกแล้ว
พล.อ. ประวิตรกล่าวต่อไปว่า ขอให้ประชาชนใจเย็น และขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ร่วมแรงร่วมใจกันทำงาน ทุกคนที่ได้รับเลือกมาต้องการทำงานเพื่อช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มกำลัง ให้มีความอยู่ดีกินดีในประเทศเจริญมั่นคง และขอให้ประชาชนสนับสนุนการทำงานของทุกหน่วยงานด้วย รวมทั้งขอให้ปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวงและโรคโควิด
ด้านชัชชาติกล่าวว่า ขอบคุณรัฐบาลที่ให้ความช่วยเหลือเป็นอย่างดี วันนี้ไม่มีพรรคพวก มีแต่ร่วมมือกันทำเพื่อประชาชน ยืนยันจะเร่งแก้ปัญหาให้อย่างรวดเร็วที่สุด
ทั้งนี้ พล.อ. ประวิตรและชัชชาติได้รับมอบพระประธานจำลองในโบสถ์ เป็นพระปางมารวิชัย ขนาดหน้าตัก 9 นิ้ว จากเจ้าอาวาสวัดวิบูลย์ธรรมาราม จากนั้น พล.อ. ประวิตรได้กล่าวกับประชาชนที่เข้ามาทักทายว่า ถ้าอยากเข้ามากอดก็กอดได้ กอดเถอะ ไม่เป็นไร พร้อมให้สัมภาษณ์ต่อว่า จากการตรวจสถานการณ์น้ำในพื้นที่ กทม. ให้มั่นใจได้ว่าพื้นที่ กทม. น้ำจะไม่ท่วมแน่นอน เพราะทุกหน่วยงานได้ช่วยเหลือกันเป็นอย่างดี ไม่มีอะไร ตอนนี้เร่งติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพื่อระบายออก ไม่มีอะไรน่ากังวล และตนไม่ห่วงอะไร เพราะทุกฝ่ายร่วมมือกันดี และในวันจันทร์ที่ 19 กันยายนนี้จะลงพื้นที่อีกเพื่อติดตามสถานการณ์น้ำ
ด้านชัชชาติกล่าวช่วงท้ายในการลงพื้นที่ว่า ที่ พล.อ. ประวิตรชื่นชมก่อนหน้าว่ากรุงเทพมหานครได้ผู้ว่าฯ ที่เข้มแข็ง ตนรู้สึกดี เพราะรองนายกรัฐมนตรีมีความเมตตาและให้ความช่วยเหลือทุกอย่าง รวมทั้งการประสานงาน ทำให้มีการตอบสนองอีกหลายหน่วยงานตามมา ทำให้การแก้ไขสถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่สามารถจัดการได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
“วันนี้ได้มีการเสนอแนะโครงการแก้ปัญหาน้ำท่วมในระยะยาวไว้ด้วย อนาคตจะมีการทำทางด่วนน้ำเพื่อระบายน้ำออกจากพื้นที่ได้เร็วขึ้นในพื้นที่ลาดกระบัง ซึ่งจะสามารถทำให้การระบายน้ำมาทางเขตมีนบุรีและเขตหนองจอกทำได้เร็วขึ้น เปรียบเสมือนการเสนอแผนทำเส้นเลือดใหญ่ ที่ผ่านมาการระบายน้ำทางกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออกติดขัดอยู่ ดังนั้น ถ้าสามารถแก้ไขส่วนนี้ให้ดีขึ้นได้ก็สามารถแบ่งเบาภาระประชาชนได้ และจะทำให้เห็นภาพรวมกรุงเทพฯ ที่ดีขึ้นได้” ชัชชาติกล่าว
ชัชชาติกล่าวต่ออีกว่า พล.อ. ประวิตรไม่ได้มีการกำชับส่วนใดเป็นพิเศษ เพราะถือว่าเป็นการให้เกียรติผู้ว่าฯ กทม. ทำงาน ตอนนี้จึงต้องมุ่งเน้นไปที่เรื่องของการช่วยเหลือประชาชนและผลักดันน้ำออกจากพื้นที่ การได้มาช่วยกันในวันนี้เป็นการร่วมมืออย่างเต็มที่ ไม่ได้แบ่งแยกว่าเป็นพรรคการเมืองไหน ทุกหน่วยงานจึงต้องรวมพลังกัน เพราะเราคือตัวแทนของประชาชนที่ต้องทำงานเป็นเนื้อเดียวกัน
ชัชชาติยังยอมรับว่าตอนนี้เรื่องที่กังวลไม่ใช่เรื่องของคำวิจารณ์ แต่เป็นเรื่องของการช่วยเหลือประชาชน ตนไม่ได้รู้สึกกดดันเพราะเป็นห่วงประชาชนมากกว่า
ก่อนหน้านี้ เวลา 15.00 น. พล.อ. ประวิตรพร้อมด้วย พล.อ. ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่เขตมีนบุรีและเขตหนองจอก โดยจุดแรก พล.อ. ประวิตรเดินทางมาประตูระบายน้ำคลองแสนแสบ ตอนมีนบุรี โดยมีชัชชาติพร้อมคณะมารอต้อนรับ และรายงานสถานการณ์น้ำ
ชัชชาติกล่าวว่า ปัญหาในกรุงเทพฯ ขณะนี้ คือมีปริมาณน้ำฝนจำนวนมาก ประมาณ 230 ล้านลูกบาศก์เมตร ระบายไปแล้ว 130 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งการระบายน้ำฝั่งตะวันออก ทำโดยระบายลงคลองแสนแสบ เพื่อเข้าสู่ประตูพระโขนง หรือระบายลงผ่านคลองประเวศ แล้วตัดเข้ามาที่ประตูน้ำพระโขนง
ซึ่งการระบายน้ำกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออกทำได้ลำบาก เพราะไม่มีทางไป สุดท้ายมาตันตรงจุดนี้ จะระบายน้ำออกด้านล่างก็ลำบาก จะผลักดันน้ำออกแม่น้ำบางปะกง ก็เป็นพื้นที่สูง ทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมบริเวณลาดกระบัง ส่วนสถานการณ์ปัจจุบันได้รับการสนับสนุนจากทหาร กรมชลประทาน กองทัพเรือ นำเครื่องผลักดันน้ำมาช่วยเสริม
ทั้งนี้ ชัชชาติยังกล่าวถึงคลองชลประทานที่ระบายน้ำได้ดีคือคลองสำโรง แต่ติดตรงที่อยู่นอกพื้นที่กรุงเทพฯ ต้องอาศัยความร่วมมือ
ด้าน พล.อ. ประวิตรกล่าวว่า ไม่เป็นไร ประเทศเดียวกันใช้ได้หมด อย่างไรก็จะต้องช่วยเหลือประชาชนให้รอดพ้นจากผลกระทบน้ำท่วมให้เร็วที่สุด พร้อมกำชับ สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ให้ประชุมโดยเร็ว พร้อมกำชับว่าให้กรมโยธาธิการมาร่วมวางแผนด้วย ทั้งนี้ถ้าเป็นคลองจะทำได้เร็ว แต่หากเป็นอุโมงค์จะเสียงบประมาณมาก
ซึ่งชัชชาติกล่าวว่า หลายฝ่ายจะร่วมมือกัน จะเป็นคลองหรือเป็นอุโมงค์ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและประหยัดงบประมาณ แต่หากเป็นคลองจะมีปัญหาเรื่องการจุน้ำได้น้อย และมีปัญหาเรื่องการเวนคืน
ด้านสุรสีห์กล่าวว่า จะมีการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ต้นเดือนตุลาคม ซึ่งที่ประชุมจะนำแนวคิดที่จะทำให้การระบายน้ำได้เร็วขึ้นมาพิจารณา
จากนั้น พล.อ. ประวิตรได้ดูปริมาณน้ำที่ประตูระบายน้ำ พร้อมสั่งให้เร่งช่วยเหลือหมู่บ้านที่ยังมีน้ำท่วมขัง เพราะบางที่จมมา 7 วันแล้ว โดยให้นำเครื่องสูบน้ำไปช่วยเหลือสูบน้ำออกโดยเร็วที่สุด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน ซึ่งชัชชาติรับปากจะรีบดำเนินการระบายน้ำลงสู่คลองหลัก โดยเมื่อน้ำในคลองหลักลดลงแล้ว ในอีก 1-2 วันก็จะปิดล้อมเร่งช่วยเหลือหมู่บ้านในพื้นที่ย่อยต่างๆ ที่ยังมีน้ำท่วมขัง พร้อมขอสนับสนุนเครื่องสูบน้ำจากรัฐบาลด้วย
พล.อ. ประวิตรยังได้กล่าวทิ้งท้ายว่า เป็นเรื่องดี และขอให้เร่งดำเนินการ พร้อมกล่าวชื่นชมว่า กทม. ได้ผู้ว่าฯ ที่เข้มแข็ง ซึ่งชัชชาติตอบกลับว่าเป็นความร่วมมือของหลายหน่วยงาน