วันนี้ (18 กรกฎาคม) ที่พรรคพลังประชารัฐ ภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารและสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้เดินลงมาจากห้องประชุมชั้น 5 โดยผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงกรณีที่จะมีการเสนอชื่อของ พล.อ. ประวิตร ชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รวมถึงการที่พรรคเพื่อไทยจะเสนอชื่อ เศรษฐา ทวีสิน ที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวพรรคเพื่อไทย ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีรอบที่ 2 ทิศทางการลงมติของพรรคพลังประชารัฐ หากแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเป็นชื่อเศรษฐา รวมถึงท่าทีการลงมติของพรรคพลังประชารัฐ หากพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดยมีพรรคก้าวไกลร่วมด้วย ซึ่ง พล.อ. ประวิตร ไม่ได้ตอบคำถามสื่อมวลชนแต่อย่างใด พร้อมทั้งยังขึ้นรถกลับโดยทันที
ขณะที่ ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบแบ่งเขต จังหวัดพะเยา พรรคพลังประชารัฐ กล่าวภายหลังการประชุมกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐก่อนการโหวตนายกรัฐมนตรีในครั้งที่ 2 หากมีการเสนอชื่อ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคก้าวไกล อีกครั้งตามข้อบังคับข้อที่ 41 นั้นมีความเหมาะสมหรือไม่ ร.อ. ธรรมนัส กล่าวว่า จะมีหารือกันอีกครั้งในช่วงเช้าของวันพรุ่งนี้ ส่วนท่าทีและจุดยืนของพรรคพลังประชารัฐนั้นยืนยันว่าขอดูหน้างานอีกครั้ง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ในการประชุมวันนี้ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้กำชับเรื่องใดเป็นพิเศษหรือไม่ ร.อ. ธรรมนัส กล่าวว่า วันนี้ไม่ได้มีการพูดคุยเรื่องการโหวตในวันพรุ่งนี้ เป็นเพียงการพูดคุยถึงนโยบายต่างๆ ของพรรคที่จะดำเนินการในอนาคต รวมถึงมีการพูดคุยเรื่องการเตรียมความพร้อมสำหรับการอภิปรายในแต่ละเรื่องของสมาชิกพรรคพลังประชารัฐเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า เป็นการเตรียมนโยบายเพื่อเข้าร่วมรัฐบาลหรือไม่ ร.อ. ธรรมนัส กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุยถึงเรื่องนี้และยังไม่มีการพูดคุยเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคใด เพราะขณะนี้ยังไม่ถึงเวลา และขอให้การโหวตในวันพรุ่งนี้ผ่านไปก่อน
และผู้สื่อข่าวถามความคิดเห็นกรณี เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ร.อ. ธรรมนัส กล่าวว่า แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของแต่ละพรรคนั้นล้วนดีหมด พร้อมมองว่าเป็นเรื่องของรัฐสภาและสมาชิกรัฐสภาที่จะแสดงความคิดเห็น พรรคพลังประชารัฐมีนโยบายที่ชัดเจนอยู่แล้วคือการก้าวข้ามความขัดแย้ง ดังนั้นยังคงเหมือนเดิมไม่ว่าใครจะขึ้นมาเป็นว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หากพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลและมีพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาลด้วย พรรคพลังประชารัฐจะเห็นชอบหรือไม่ ร.อ. ธรรมนัส กล่าวว่า เนื่องจากสมาชิก ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ มีเพียง 40 คน ดังนั้นใน 40 คนของเราในการกำหนดทิศทางทางการเมืองเราจะเดินไปพร้อมกัน และมีฉันทามติของคณะกรรมการบริหารพรรคก่อน ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถพูดในส่วนนี้ได้
ต่อมาผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวการผลักดัน พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ ขึ้นเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ร.อ. ธรรมนัส ยืนยันว่า พรรคพลังประชารัฐมีแนวทางที่ไม่สนับสนุนการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย ส่วนการเข้าร่วมรัฐบาลขณะนี้ยังไม่ถึงเวลาของพรรคพลังประชารัฐ
และเมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงความเป็นไปได้ของการผลักดัน พล.อ. ประวิตร ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ร.อ. ธรรมนัส กล่าวว่า ตนและ พล.อ. ประวิตร หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ มีความชัดเจนทางการเมืองว่าเราต้องมีมารยาท ดังนั้นหลังจากที่พรรคก้าวไกลไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ควรจะเป็นหน้าที่ของพรรคเพื่อไทยในการจัดตั้งรัฐบาล โดยที่พรรคพลังประชารัฐจะไม่มีการเสนอชื่อ พล.อ. ประวิตร เป็นนายกรัฐมนตรีเสียงข้างน้อยโดยเด็ดขาด ส่วนเงื่อนไขพาพ่อกลับบ้านของพรรคเพื่อไทย ขออย่าคิดไปไกล
