‘เนิน 350’ กลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจอย่างมากในสังคม หลังจาก พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ออกมาเปิดเผยเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ว่า กองทัพไทยยังไม่สามารถยึดปราสาทตาควายคืนได้เต็ม 100%
เนื่องจากปราสาทตาควายเป็นจุดเดียวที่มีข้อจำกัดในเชิงยุทธการ และถือเป็นความพยายามครั้งสุดท้ายของทั้งสองฝ่ายก่อนถึงเส้นตายการหยุดยิง โดยฝั่งกัมพูชาสามารถเข้ายึด ‘เนิน 350’ ได้ก่อน ขณะที่ฝ่ายไทยมีอุปสรรคด้านภูมิประเทศ อาวุธ BM-21 ของฝ่ายตรงข้าม และการวางกับระเบิดสนาม รวมถึงการสูญเสียกำลังพลหลักที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส
โฆษกกองทัพระบุว่า ในภาพรวมกองทัพไทยสามารถควบคุมพื้นที่โดยรอบได้เพิ่มขึ้นจากก่อนเกิดเหตุปะทะและปัจจุบันมีการวางกำลังทหารประจันหน้ากับฝ่ายกัมพูชาในระยะห่างเพียงประมาณ 50 เมตร บริเวณตัวปราสาท โดยไม่มีการสู้รบในเขตโบราณสถาน เพื่อให้เป็นไปตามข้อตกลงหยุดยิง
พล.ต.วินธัย ยังระบุอีกว่า จุดยุทธศาสตร์สำคัญไม่ได้อยู่ที่ตัวปราสาทตาควาย แต่คือ ‘เนิน 350’ ซึ่งมีความสำคัญในเชิงยุทธวิธีและเป็นเป้าหมายที่กองทัพทั้ง 2 ฝ่ายต้องการยึดครอง
ทำไม ‘เนิน 350’ จึงสำคัญ?
‘เนิน 350’ นั้นเป็นชื่อเรียกของเนินเขาที่อยู่ใกล้กับบริเวณปราสาทตาควาย บนแนวสันเขาพนมดงรัก มีระดับความสูงประมาณ 350 เมตร จากระดับน้ำทะเล ก็เลยเป็นที่มาของชื่อ ‘เนิน 350’
จุดนี้ถูกระบุว่าเป็น ‘จุดสูงข่ม’ ในทางยุทธศาสตร์ เนื่องจากพื้นที่โดยรอบมีระดับความสูงเฉลี่ยเพียง 200-300 เมตร ทำให้เนิน 350 โดดเด่นในเชิงภูมิศาสตร์ และเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการตั้งฐานสังเกตการณ์ การควบคุมแนวรบ รวมถึงการสกัดกั้นการเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม
ด้วยลักษณะภูมิประเทศที่สูงชันและทัศนวิสัยที่ครอบคลุมในรัศมีกว้าง ฝ่ายที่สามารถครอบครองเนินนี้ได้จะได้เปรียบอย่างมากในด้านยุทธวิธี ทั้งในแง่ของการลำเลียงเสบียง การเคลื่อนย้ายกำลังพล การวางแนวป้องกัน และการโจมตีในระยะไกล
ในทางกลับกัน พล.ต.วินธัย ระบุว่า หากใช้ปราสาทตาควายเป็นฐานตั้งกำลัง ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ต่ำอาจทำให้ตกเป็นเป้าการโจมตีได้ง่าย
ทั้งนี้ ‘ปราสาทตาควาย’ เป็นโบราณสถานหินทรายเก่าแก่ในสถาปัตยกรรมขอมโบราณ ตั้งอยู่บนแนวสันเขาพนมดงรัก ห่างจากปราสาทตาเมือนธมไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 12-13 กิโลเมตร พื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตชายแดนที่ยังไม่มีการปักปันอย่างชัดเจน และเป็นพื้นที่พิพาทที่ทั้งไทยและกัมพูชาต่างอ้างสิทธิ์
ที่ผ่านมาพื้นที่รอบ ‘เนิน 350’ เคยเกิดเหตุปะทะทางทหารมาแล้วหลายครั้ง หนึ่งในเหตุการณ์สำคัญคือช่วงเดือนเมษายน ปี 2554 และการปะทะในครั้งล่าสุดในเดือนกรกฎาคม 2568
ทั้งนี้มีมุมมองของอดีตนายทหาร ‘พลเอกรังษี กิติญาณทรัพย์’ มองว่า วัตถุประสงค์หลักของกัมพูชาในการพยายามยึดจุดเหล่านี้ รวมถึงปราสาทตาควายคือการเบี่ยงเส้นเขตแดนให้มุ่งไปทางอ่าวไทย โดยมีเป้าหมายเฉพาะที่บริเวณรอบเกาะกูด
พลเอกรังษี เชื่อว่า แรงจูงใจนี้มาจากการต้องการเข้าถึงแหล่งทรัพยากรมหาศาลในอ่าวไทยมากกว่าความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของตัวปราสาทตาควาย
จุดยุทธศาสตร์นี้ยังคงเป็นหมากตัวสำคัญที่อาจชี้ชะตาแนวทางความได้เปรียบในสมรภูมิความขัดแย้งไทยและกัมพูชา