วันนี้ (9 ธันวาคม) พ.อ. ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก แถลงข่าวร่วม สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคมที่ผ่านมา การปะทะครอบคลุมขยายวงครอบคลุมในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และสระแก้ว ซึ่งกัมพูชาใช้อาวุธทุกประเภทเข้าโจมตีฝ่ายไทย ทั้งอาวุธกล อาวุธยิงสนับสนุน ปืนใหญ่จรวดหลายลำกล้อง โดรนทิ้งระเบิด
“กองทัพบกใช้แผนเผชิญเหตุ โดยมีความมุ่งหมายป้องกันตนเอง ควบคู่การผลักดันพื้นที่ซึ่งไทยถูกรุกล้ำอธิปไตย และที่สำคัญคือต้องทำลายศักยภาพการโจมตีของทหารกัมพูชา เพื่อไม่ให้สามารถกลับมาเป็นภัยคุกคามต่อประเทศไทยได้อีก” รองโฆษกกองทัพบกกล่าว
พ.อ. ริชฌาระบุว่า ผลการปฏิบัติที่สำคัญที่ผ่านมา ในพื้นที่ของกองทัพภาคที่ 2 วันนี้ได้ทำลายตึกกาสิโนร้าง ซึ่งเป็นเครือข่ายสแกมเมอร์ ที่เราพบว่าใช้เป็นที่ตั้งทางทหาร จุดปล่อยโดรน รวมถึงอาวุธสนับสนุนต่างๆ ในพื้นที่ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี รวมถึงได้ตัดกำลังทำลายเสาสัญญาณแอนตี้โดรนในพื้นที่อำเภอกันทรลักษณ์ จังหวัดศรีสะเกษ
ส่วนพื้นที่กวาดล้างที่ถูกรุกล้ำ ช่องระยี ที่อยู่ทางทิศตะวันออกของช่องจอม อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ อยู่ระหว่างปฏิบัติการ รวมถึงได้ผลักดันทหารกัมพูชา ที่ปราสาทคนา อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ โดยปัจจุบันยังไม่สามารถเข้าควบคุมพื้นที่ได้อย่างเบ็ดเสร็จ เนื่องจากพบว่าฝ่ายกัมพูชาใช้สนามทุ่นระเบิดจำนวนมากในบริเวณดังกล่าว ปัจจุบันยังอยู่ในความพยายาม
ส่วนพื้นที่ปราสาทตาควาย วันนี้ฝ่ายไทยได้ทำลายกระเช้าที่ใช้ในการส่งเสบียง บริเวณเนิน 350 เป็นที่สำเร็จ ซึ่งขณะนี้ยังมีความพยายามเข้ากระทำต่อพื้นที่ต่อไป
ส่วนพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 วานนี้ (8 ธันวาคม) ไทยได้เปิดปฏิบัติการผลักดัน เพื่อควบคุมแนวเส้นปฏิบัติการใน 3 พื้นที่ ทั้งบ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง และบ้านคลองแผง อำเภอตาพระยา จังหวัดสระแก้ว โดยสามารถทำลายที่มั่นดัดแปลงของฝ่ายกัมพูชาได้บางส่วน
“และที่น่ายินดีคือเมื่อเวลา 17.00 น. วานนี้ สามารถยึดและควบคุมพื้นที่บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้วได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ปัจจุบันอยู่ในห้วงของการกวาดล้าง ล่าสุดมีรายงานแล้วว่าช่วงการกวาดล้างเจอทุ่นสังหารบุคคล” โฆษกกองทัพบกระบุ
สำหรับในวันนี้ พื้นที่ซึ่งยังปฏิบัติการไม่สำเร็จ ก็ยังมีความพยายามอยู่ต่อเนื่อง ทั้งนี้ ขอรายงานว่าตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคมที่ผ่านมา มีกำลังพลของกองทัพบกเสียชีวิตในการรบ 1 นาย บาดเจ็บ 29 นาย


