วันนี้ (28 กุมภาพันธ์) ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า การจัดทำนโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐของพรรคพลังประชารัฐเป็นนโยบายหลักของพรรคที่ได้ผ่านการหารือในที่ประชุมและความคิดเห็นที่หลากหลาย เพื่อต้องการแก้ไขปัญหาความยากจนอย่างยั่งยืนใน 4 มิติ เพื่อการจัดสรรงบประมาณให้เข้าถึงสวัสดิการขั้นพื้นฐานให้สอดรับกับสภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้นจนส่งผลต่อราคาสินค้า จึงมาสรุปที่ 700 บาท
ศ.ดร.นฤมลกล่าวต่อไปว่า 700 บาท เป็นตัวเลขที่พรรคพิจารณาโดยรอบคอบแล้วว่าสามารถทำได้ ควบคู่กับการทำนโยบายต่อเนื่องที่ต้องมีการฝึกทักษะสร้างอาชีพ สามารถเข้าถึงแหล่งเงินเพื่อการประกอบอาชีพ โดยอาศัยสถาบันการเงินของรัฐ หน่วยงานรัฐเข้ามาสนับสนุน รวมทั้งการแก้ไขปัญหาหนี้สินโดยเฉพาะปัญหาหนี้นอกระบบ ซึ่งนับว่าเป็นปัญหาที่สำคัญ โดยพรรคจะดำเนินการสานนโยบายเพื่อให้เกิดเป็นรูปธรรม และเชื่อว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาความยากจนได้อย่างแท้จริง
ศ.ดร.นฤมลกล่าวอีกว่า นโยบายของพรรคการเมืองอื่นๆ ที่ออกมาทีหลัง อย่างมีตัวเลข 1,000 บาท หรือในอนาคตอาจสูงกว่านั้น เนื่องจากพรรคไม่ต้องการให้ประชาชนมีภาพนโยบายประชานิยมหรือแจกเพียงอย่างเดียว แต่ต้องการให้เห็นภาพนโยบายพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนในระยะยาว สวัสดิการประชารัฐ เศรษฐกิจประชารัฐ และสังคมประชารัฐ 3 เรื่องหลัก เหมือนเสาบ้านที่เป็นเสาหลัก และเมื่อช่วงการเลือกตั้งจะมีการแข่งขันเรื่องนโยบาย ต้องบอกประชาชนชัดๆ ว่าเศรษฐกิจฐานรากจะทำอะไร วิสาหกิจชุมชน เศรษฐกิจชุมชนมีอะไรบ้าง เช่น กองทุนหมู่บ้านหรือรูปแบบอื่น
“เป็นเรื่องปกติที่มีการเลือกตั้งมักมีการแข่งขันด้านนโยบาย แต่ก็ขึ้นอยู่กับประชาชนว่าจะดูถึงความเป็นไปได้และไม่เป็นภาระงบประมาณการคลังระยะยาว รวมถึงไม่กระทบต่อการจ่ายภาษีเป็นภาระหนี้ของประเทศในระยะยาว เพราะท้ายที่สุดจะทำไม่ได้อย่างยั่งยืน” ศ.ดร.นฤมลกล่าว
ศ.ดร.นฤมลกล่าวด้วยว่า พรรคเปิดนโยบายต่อยอดบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพื่อต้องการดูแลประชาชนให้ครบ 4 มิติ นโยบายมีเรามีที่ทำกิน มีที่ดินไม่มีจน และมีน้ำไม่มีจน ส่วนนโยบายเร่งด่วนหลังจากนี้คือเรื่องค่าของชีพที่จะช่วยประชาชนทั่วไปซึ่งแบกภาระ หากตรึงราคาพลังงานลงมาได้ในแนวทางที่เป็นไปได้จะช่วยลดภาระประชาชน ลดค่าของชีพ จึงจะมีนโยบายมาตรการด้านพลังงานซึ่งขณะนี้ยังคุยกันอยู่เรื่องตัวเลขและวิธีการในรายละเอียด แต่รอตัวเลขที่เป็นไปได้ ที่จะไม่ส่งกับผลกระทบและยั่งยืน เพราะไม่อยากให้สัญญาแล้วทำไม่ได้ จึงต้องรับฟังข้อเสนอจากหลายฝ่าย เพราะห่วงเรื่องภาระการคลัง เรื่องราคาพลังงานซับซ้อน
“พรรคพลังประชารัฐยังเตรียมนโยบายระดับภาคที่เหมาะสมกับบริบทของพื้นที่และภาคต่างๆ จึงจะออกนโยบายเป็นรายภาค เหนือ กลาง อีสาน ใต้ และจะมีแผนให้เกิดเขตเศรษฐกิจพิเศษในแต่ละภาค เพื่อดึงเศรษฐกิจ การจ้างงาน และความเจริญไปสู่แต่ละภาค ไม่ให้กระจุกตัวอยู่ในตัวเมืองหรือมีแค่ EEC ในภาคตะวันออกเท่านั้น ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วทั้งประเทศ ซึ่งเป็นแนวคิดของคณะทำงานที่เสนอกันและรับฟังจากคนในพื้นที่โดยตรง และเมื่อเกิดเขตเศรษฐกิจพิเศษก็มีนโยบายเศรษฐกิจประชารัฐจะเข้าไปสานต่อ” ศ.ดร.นฤมลกล่าวในที่สุด