เขตเศรษฐกิจพิเศษพนมเปญ (PPSEZ) ซึ่งเป็นฐานการผลิตสำคัญของบริษัทญี่ปุ่นและจีนในกัมพูชา กำลังมองหาการกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ โดยมีเป้าหมายดึงดูดบริษัทจากไทยและเวียดนาม รวมถึงบริษัทระดับโลกที่ต้องการย้ายฐานการผลิตจากสองประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาลงทุนในกัมพูชามากขึ้น
ปัจจุบัน PPSEZ มีผู้เช่ามากกว่า 90 รายจาก 15 ประเทศ ครอบคลุมพื้นที่ 3.57 ตารางกิโลเมตร ถือเป็นหนึ่งในนิคมอุตสาหกรรมชั้นนำของกัมพูชา เคียงคู่กับนิคมอุตสาหกรรมจีนในสีหนุวิลล์ที่มีพื้นที่ 10 ตารางกิโลเมตร
Hiroshi Uematsu ซีอีโอของ Royal Group PPSEZ ผู้บริหารเขตเศรษฐกิจพิเศษนี้ กล่าวว่า แม้บริษัทญี่ปุ่นและจีนจะยังคงเป็นผู้ลงทุนหลัก แต่ PPSEZ ก็ต้องการดึงดูดบริษัทจากไทยและเวียดนามมากขึ้น โดยใช้กลยุทธ์ ‘Thailand Plus One’ เพื่อดึงดูดบริษัทในไทยที่ต้องการขยายฐานการผลิตไปยังประเทศเพื่อนบ้านเนื่องจากต้นทุนที่สูงขึ้นในไทย
นอกจากนี้ PPSEZ ยังตั้งเป้าหมายที่จะดึงดูดบริษัทจากเวียดนาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากโฮจิมินห์ซิตี้และจังหวัดด่งนาย ซึ่งเป็นที่ตั้งของนิคมอุตสาหกรรมหลายแห่ง โดย Uematsu เชื่อว่าสามารถกระตุ้นการย้ายฐานการผลิตจากเวียดนามและสร้างห่วงโซ่อุปทานร่วมกันได้
Uematsu ยังมองว่าการปรับโครงสร้างห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์ จะเป็นโอกาสสำหรับกัมพูชาในการดึงดูดบริษัทต่างชาติมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหาก Donald Trump ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาในเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งอาจนำไปสู่ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่รุนแรงขึ้น ทำให้กัมพูชากลายเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับการย้ายฐานการผลิต
PPSEZ เปิดตัวในปี 2006 และเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจกัมพูชา โดยในอดีต MinebeaMitsumi บริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ของญี่ปุ่น เคยเป็นผู้เช่ารายใหญ่ที่สุด แต่ปัจจุบันตำแหน่งนี้ถูกแทนที่โดย Marvel Garment บริษัทจีนที่เริ่มดำเนินงานในปี 2020 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพลทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นของจีนในกัมพูชา
แม้ว่าญี่ปุ่นจะเป็นหนึ่งในประเทศที่กัมพูชาต้องการดึงดูดการลงทุน แต่ค่าเงินเยนที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐทำให้บริษัทญี่ปุ่นลังเลที่จะเข้ามากัมพูชา ซึ่งเป็นประเทศที่เศรษฐกิจพึ่งพาดอลลาร์เป็นหลัก
นอกจากนี้ต้นทุนโลจิสติกส์ที่ค่อนข้างสูงในกัมพูชาก็เป็นอีกหนึ่งอุปสรรคที่ต้องได้รับการแก้ไข โดย Uematsu ระบุว่า มีปัญหาเรื่องการเรียกรับสินบนจากเจ้าหน้าที่ศุลกากร ซึ่ง PPSEZ กำลังพยายามแก้ไขปัญหานี้ด้วยการจัดตั้งทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านพิธีการศุลกากร และผลักดันให้มีการนำระบบดิจิทัลมาใช้ในการดำเนินพิธีการศุลกากรอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อลดต้นทุนลง 30% และเพิ่มความโปร่งใส
อ้างอิง:
