วานนี้ (9 เมษายน) พรรคพลังประชารัฐจัดเวทีปราศรัย ณ ลานกลางแจ้งใกล้ตลาดกลางลาดสวาย และสามแยกสวนเกษตร คลอง 3 จังหวัดปทุมธานี นำโดย วิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค, ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรค และ ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งภาคเหนือ ขึ้นปราศรัยนโยบายพรรค ร่วมด้วยผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดปทุมธานีทั้ง 7 เขต ประกอบด้วย
- เสวก ประเสริฐสุข ผู้สมัคร เขต 1 เบอร์ 2
- นพดล ลัดดาแย้ม ผู้สมัคร เขต 2 เบอร์ 3
- ปรีชา ชื่นชนกพิบูล ผู้สมัคร เขต 3 เบอร์ 4
- ยุทธวัฒน์ หาญเกียรติกล้า ผู้สมัคร เขต 4 เบอร์ 7
- วิรัช พยุงวงษ์ ผู้สมัคร เขต 5 เบอร์ 7
- ดร.เกียรติศักดิ์ ส่องแสง ผู้สมัคร เขต 6 เบอร์ 5
- กฤษณา วงศ์คำ ผู้สมัคร เขต 7 เบอร์ 8
ชัยวุฒิกล่าวว่า ตนขอยืนยันกับพี่น้องประชาชนว่าพรรคพลังประชารัฐจะปักธง ส.ส. ที่จังหวัดปทุมธานีได้อย่างแน่นอน ซึ่งนโยบายการเมืองต้องนิ่ง ให้รัฐบาลมีเสถียรภาพ ให้ประเทศชาติมั่นคง พรรคเรามีนโยบายให้ประชาชนอยู่ดีกินดี เสนอนโยบายที่ประชาชนชอบ บางนโยบายถูกใจคนแต่อาจไม่ถูกต้อง เราก็ไม่ทำ ตนเสียใจที่การเมืองวันนี้มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร บางพรรคไม่คิดถึงความมั่นคงของชาติ ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร ซึ่งประเทศชาติจำเป็นต้องมีเจ้าหน้าที่ในการดูแลพื้นที่ชายแดนไม่ให้มีการลักลอบขนยาเสพติด แรงงานผิดกฎหมาย โดยพรรคพลังประชารัฐยังยืนยันว่ายึดอุดมการณ์ในสถาบันหลัก
ชัยวุฒิกล่าวต่อไปว่า ตนขอยืนยันกับพี่น้องประชาชนว่าผู้สมัครพรรคพลังประชารัฐทั้ง 7 เขตเป็นคนดีมีคุณภาพที่สุด และพร้อมรับใช้พี่น้องประชาชน วันนี้การเลือกตั้งแต่ละเขตก็คนละเบอร์ ขออย่าสับสน จำเบอร์ผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐให้ดี แต่ถ้าบัตรสีฟ้ากาได้เบอร์เดียวคือเบอร์ 37 เลือกพรรคพลังประชารัฐ มีนโยบายที่ชัดเจนและทำมาแล้วหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เบี้ยผู้สูงอายุก็ทำมาแล้วและจะทำให้ดีขึ้น นโยบายเบี้ยผู้สูงอายุ 60 ปี 3,000 บาท 70 ปี 4,000 บาท 80 ปี 5,000 บาท ดังนั้นเราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
วันนี้เรามีรัฐบาลมั่นคงอยู่มา 5 ปี ที่มี พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐเป็นแกนนำ ที่ผ่านมาท่านได้ทำหน้าที่ในฐานะรัฐบาล แก้ปัญหาทุกอย่าง ทั้งระบบขนส่งมวลชน แก้ปัญหาน้ำท่วมปทุมธานี ซึ่งได้ลงพื้นที่มาดูด้วยตัวเอง แต่ก็ยังไม่ดีเท่าที่ควร เพราะไม่มี ส.ส. ของพรรคพลังประชารัฐอยู่ในพื้นที่เพื่อนำปัญหาไปประสานงานกับหัวหน้าพรรค ดังนั้นวันนี้เราจึงต้องเลือกพรรคพลังประชารัฐยกทีม 7 คน เพื่อทำงานให้กับพี่น้องประชาชน พรรคพลังประชารัฐจะทำให้ชาวปทุมธานีมีความสุขทุกคน
“พรรคพลังประชารัฐเป็นพรรคที่ดำเนินงานตามระบบประชาธิปไตย ลุงป้อมไม่ใช่คนปฏิวัติ ลุงป้อมไม่ได้สืบทอดอำนาจ ลุงป้อมไม่ใช่เผด็จการ ลุงป้อมตั้งใจทำงานเพื่อประชาชน เพื่อแก้ปัญหาให้กับประชาชน เป็นหัวหน้าพรรคมาทำหน้าที่ดูแลพี่น้องประชาชน ขอโอกาสให้พวกเราประสานงาน เราจะทำงานกับทุกคนและทุกฝ่ายจะต้องไม่มีความขัดแย้งอีก 14 พฤษภาคม เข้าคูหากาพรรคพลังประชารัฐเบอร์ 37” ชัยวุฒิกล่าว
ด้าน ร.อ. ธรรมนัสกล่าวว่า วันนี้ตนได้รับหนังสือจากแกนนำเสื้อแดง เพื่อประกาศเจตนารมณ์เห็นด้วยกับนโยบายสำคัญของพรรคพลังประชารัฐในเรื่องการก้าวข้ามความขัดแย้ง และเห็นว่าการทำงานของ พล.อ. ประวิตร ในการทำงานร่วมกับรัฐบาลสามารถทำงานได้ด้วยดี เพราะหัวหน้าเป็นผู้เปิดกว้างรับฟังทุกคน ไม่ว่าจะเป็น ส.ส. พรรคใดก็พร้อมช่วยเหลือ เห็นด้วยร่วมเป็นหนึ่งเดียวไม่มีการแบ่งแยกสี เพราะเราเป็นคนไทยด้วยกัน พูดภาษาเดียวกัน แม้จะนับถือศาสนาที่แตกต่างกัน แต่เราจะเลิกทะเลาะ เพื่อก้าวข้ามความขัดแย้ง หลังเลือกตั้งแล้วได้เป็นรัฐบาลเชื่อว่าหัวหน้าพรรคจะนำเรื่องก้าวข้ามความขัดแย้งมานำเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อให้ทุกฝ่ายร่วมกันเป็นหนึ่งเดียว โดยพลังประชารัฐเป็นพรรคขับเคลื่อนในเรื่องดังกล่าว เพื่อรวมพลังของคนไทยทั้งแผ่นดิน และต้องนำองค์กรประชารัฐที่มีประชาชนเป็นเจ้าของประเทศจากความหลากหลายของอาชีพ ผู้ใช้แรงงาน เกษตรกร ผู้สูงอายุ กลุ่มเปราะบางต้องรวมเป็นหนึ่งเดียว
ร.อ. ธรรมนัสกล่าวต่ออีกว่า องค์กรต่อไปที่จะเข้ามาดูแลประชาชนคือองค์กรพลังแห่งรัฐ รัฐจะต้องดูแลประชาชนให้อยู่ดีกินดี เวลาหาเสียงทุกพรรคนโยบายดีหมด จะทำทุกอย่างให้กับประชาชน แต่พอจัดตั้งรัฐบาลลืมหมด คนแบบนี้ประชาชนจะเลือกหรือไม่ ประชาชนจะเป็นพลังกดดันให้รัฐเข้ามาดูแลประชาชนทั้ง 70 ล้านชีวิต จะต้องดูแลประชาชนกลุ่มเปราะบาง ผู้มีรายได้น้อย ผู้สูงอายุ ผู้พิการ เด็กเล็ก ส่วนประชาชนที่มาฟังการปราศรัยวันนี้ใช้น้ำมันและใช้ไฟฟ้า ทุกวันนี้น้ำมันราคาแพง ค่าไฟแพง มีอย่างเดียวที่ถูกคือรายได้ พรรคพลังประชารัฐเล็งเห็นความสำคัญของโครงสร้างราคาน้ำมัน ต้องทำทันที