วันนี้ (3 เมษายน) จาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เตรียมยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญใน 5 ประเด็น 13 มาตรา ต่อรัฐสภา ในวันที่ 7 เมษายน ว่าการเสนอแก้รัฐธรรมนูญของ พปชร. ไม่ได้เริ่มจากผลประโยชน์ของประเทศชาติ แต่เป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของรัฐบาลและนักการเมืองพรรคแกนนำรัฐบาล ที่ร้ายกว่านั้นคือ เป็นการสร้างความมั่นคงให้กับระบบที่สืบทอดอำนาจเผด็จการ รัฐบาลใช้งบประมาณสะดวกขึ้น ส.ส. มีอำนาจมากขึ้น และยุทธศาสตร์ชาติสำคัญยิ่งขึ้น
การจะพิจารณาว่าการแก้รัฐธรรมนูญที่ พปชร. เสนอนั้นดีหรือไม่ ไม่สามารถดูเป็นรายมาตราได้ แต่ต้องดูเป็นภาพรวม ซึ่งผลโดยรวมของการแก้แบบนี้คือการทำให้ระบบที่ไม่เป็นประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญนี้ยิ่งมั่นคงแน่นหนามากขึ้นไปอีก หากแก้ตามนี้แล้วรัฐบาลและ ส.ส. พรรคร่วมรัฐบาล จะยิ่งชอบรัฐธรรมนูญฉบับนี้มากขึ้น
จาตุรนต์เสนอว่า การจะแก้รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันให้เป็นประชาธิปไตยและเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติจะต้องร่างใหม่ทั้งฉบับโดยประชาชน ส่วนการแก้รายมาตราเพื่อลดหรือป้องกันวิกฤตการเมืองจะต้องแก้ในเรื่องการดำรงอยู่และอำนาจของ ส.ว. โดยเฉพาะอำนาจในการเลือกนายกฯ ต้องตัดออกไป
หากไม่มีการแก้ไขเกี่ยวกับอำนาจ ส.ว. การแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราก็เรียกได้ว่าไม่มีประโยชน์อะไร ยิ่งไปแก้ตามที่ พปชร. เสนอด้วยแล้ว ยิ่งเป็นการทำร้ายประเทศมากยิ่งขึ้น
“ที่เขียนไทม์ไลน์ว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามที่ พปชร. เสนอ จะเริ่มเมื่อนั้น เสร็จเมื่อนี้ อาจจะเป็นการวาดฝันของพวกที่ถือว่ามี ส.ว. และเสียงข้างมากของ ส.ส. อยู่ในมือ อย่าลืมว่ากติกาตามรัฐธรรมนูญนี้บอกว่าเสียงข้างน้อยสามารถยับยั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ หากฝ่ายค้านพร้อมใจกันไม่สนับสนุน การแก้รัฐธรรมนูญก็จะถูกคว่ำลง” จาตุรนต์กล่าว
การแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อพวกพ้องและเพื่อเสริมความเข้มแข็งมั่นคงให้กับการสืบทอดอำนาจที่ พปชร. กำลังทำนี้จะสำเร็จหรือไม่ จึงไม่อยู่ที่ ส.ว. 250 คน และพรรคร่วมรัฐบาล แต่อยู่ที่พรรคฝ่ายค้าน หากพรรคฝ่ายค้านพร้อมใจกันไม่สนับสนุน การแก้ไขรัฐธรรมนูญนี้ก็จะตกไป