ราคาหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าวานนี้ (26 ธันวาคม) ปิดการซื้อขายติดลบแบบยกแผง หลังจากเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2567 สภาผู้บริโภค ร่วมกับสมาพันธ์รัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ และสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เข้ายื่นหนังสือถึงคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) และออกแถลงการณ์เรียกร้องรัฐบาลและ กกพ. ทบทวนโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนข้างต้น หยุดสร้างภาระค่าไฟฟ้ากว่า 6.5 หมื่นล้านบาท
โดยในแถลงการณ์ระบุว่า การรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนรอบเพิ่มเติมที่ไม่ได้ใช้วิธีการประมูล แต่กลับใช้วิธีการคัดเลือก อาจ “ไม่มีประสิทธิภาพ” มากเพียงพอ เนื่องจากไม่เปิดให้มีการแข่งขันโดยวิธีการประมูลราคาเพื่อหาราคาที่เหมาะสมที่สุด และในอนาคตจะกลายเป็นภาระของผู้บริโภคที่จะต้องจ่ายค่าไฟฟ้าแพงนานถึง 25 ปี ยุติโครงการรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนรอบใหม่ที่ใช้วิธีคัดเลือกแทนการประมูล
ทั้งนี้ ตามที่ กกพ. ประกาศโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพิ่มเติมใน 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ พลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน จำนวน 1,580 เมกะวัตต์ และพลังงานลม จำนวน 565.4 เมกะวัตต์ รวมทั้งสิ้น 2,145.5 เมกะวัตต์ โดยวิธีการคัดเลือกแทนการประมูล โดยใช้ราคารับซื้อที่ถูกกำหนดตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อปี 2565 ซึ่งระบุราคาสำหรับโซลาร์เซลล์อยู่ที่ 2.17 บาทต่อหน่วย และพลังงานลมที่ 3.10 บาทต่อหน่วย โดยราคาดังกล่าวจะคงที่ตลอดระยะเวลา 25 ปี
แถลงการณ์ให้ข้อมูลว่า เทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์มีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ราคาลดลงเฉลี่ยปีละ 10% ขณะที่เทคโนโลยีกังหันลมก็มีการปรับลดต้นทุนอย่างต่อเนื่อง แต่ราคาที่ กกพ. ใช้กำหนดการรับซื้อในโครงการนี้อ้างอิงตามมติ กพช. ปี 2565 ทำให้เมื่อถึงปี 2569 หรือปี 2571 ที่จะเริ่มดำเนินโครงการจริง ราคารับซื้อจะสูงกว่าราคาตลาดที่ควรจะเป็นประมาณ 20-30%
สั่งเบรกซื้อไฟฟ้าหมุนเวียนล็อตใหญ่กว่า 3,600 เมกะวัตต์
ด้าน พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม กพช. เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม เปิดเผยว่า ตามที่มีกระแสข่าวเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2567 ว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานประกาศรายชื่อผู้ยื่นขอผลิตไฟฟ้าเพิ่มเติมที่ได้รับการคัดเลือกตามระเบียบคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานว่าด้วยการจัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) ปี 2565-2573 สำหรับกลุ่มไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง พ.ศ. 2565 (เพิ่มเติม) พ.ศ. 2567 ซึ่งทำให้เกิดข้อสงสัยกับประชาชนเรื่องความถูกต้องของกระบวนการ และวิธีการดำเนินงานรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนดังกล่าว และเพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติและราชการ
พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นั่งเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.)
ที่ประชุมจึงมีมติให้ชะลอการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพิ่มเติม สำหรับกลุ่มที่ไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิงและขยะอุตสาหกรรม ตามแผนการเพิ่มการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด สำหรับปี 2565-2573 ปริมาณรวม 3,668.5 เมกะวัตต์ ที่ กพช. ให้ความเห็นชอบไว้เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2566 โดยเป็นการชะลอการลงนามสัญญากับ 3 การไฟฟ้าไว้ก่อน เพื่อดำเนินการตรวจสอบความถูกต้อง
ทั้งนี้ มอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการหารือสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาในประเด็นข้อกฎหมายและอำนาจหน้าที่ของ กพช. และให้นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน กพช. มีอำนาจพิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวได้ ทั้งนี้ มอบให้ฝ่ายเลขานุการแจ้งให้ กกพ. และ 3 การไฟฟ้า ทราบมติ กพช. ต่อไป
โดยจากข่าวนี้กดดันให้ราคาหุ้นกลุ่มไฟฟ้าปิดการซื้อขายวานนี้ติดลบยกแผง เช่น GUNKUL ติดลบไปกว่า 5%, GPSC ติดลบ 2.25%, EA ติดลบ 5% และ CKP ติดลบ 1.88%
ราคาหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าปิดการซื้อขายเมื่อวันที่ 26 ธันวาคมที่ผ่านมา
ขณะที่ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่า ข่าวดังกล่าวจะส่งผลลบต่อบริษัทที่ได้รับการคัดเลือกอย่าง GUNKUL, GPSC, RATCH, EGCO, BGRIM, EA และ BANPU ที่ต้องเลื่อนเซ็นสัญญา PPA ออกไปอีก อาจกระทบต่อราคาหุ้นระยะสั้น แต่จะจำกัด เพราะหลังประกาศรายชื่อที่ได้รับการคัดเลือก ราคาหุ้นบริษัทเหล่านี้ไม่ได้ปรับขึ้น เนื่องจากยังกังวลประเด็นการตรวจสอบความถูกต้อง หลังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานมีคำสั่งระงับการรับซื้อไฟฟ้าโครงการนี้ชั่วคราวก่อนหน้านี้