วันนี้ (18 พฤศจิกายน) พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ตอบคำถามกรณีที่มีกระแสข่าวว่าอาจจะเลื่อนการจัดซื้อเรือดำน้ำลำที่ 2 ตามแผนยุทธศาสตร์ของกองทัพเรือในปีงบประมาณ 2563 ออกไปก่อน เนื่องจากงบประมาณไม่เพียงพอ โดยส่ายหน้า พร้อมบอกว่าไม่มี และยังเป็นไปตามแผนเดิม
ขณะที่ พล.ร.อ. ลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ยืนยันว่า ทุกอย่างยังดำเนินการตามแผน แต่จะต้องดูว่างบประมาณมีเพียงพอหรือไม่ ซึ่งทุกอย่างสามารถยืดหยุ่นได้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ไม่ใช่อยากซื้อตามใจฉัน และต้องดูสถานการณ์รอบโลกว่าเป็นอย่างไร หากมีการเปลี่ยนแปลงก็ต้องปรับ โดยทุกอย่างมียุทธศาสตร์ของกองทัพเรือรองรับ แต่วันนี้งบประมาณเราน้อยมาก ซึ่งทุกคนก็อยากได้ของดี
ทั้งนี้หากไม่สามารถดำเนินการจัดซื้อเรือดำน้ำได้ จะมีการเปลี่ยนแผนเป็นเรือฟริเกตหรือไม่นั้น ผู้บัญชาการทหารเรือระบุว่า ทุกอย่างอยู่ที่เงิน และภาพรวมขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง
สำหรับโครงการจัดหาเรือดำน้ำครั้งนี้เริ่มต้นขึ้นในรัฐบาล คสช. โดยคณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการในแผนของกองทัพเรือที่จะจัดหาเรือดำน้ำ 3 ลำจากประเทศจีน โดยกองทัพเรือมีงบประมาณผูกพันที่จะจ่ายในโครงการนี้ตั้งแต่ปี 2560-2566 (งบฯ ผูกพัน 7 ปี)
ขณะที่เรือดำน้ำลำแรกจากประเทศจีน คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติการจัดหาเรือดำน้ำชั้น S26T มูลค่า 13,500 ล้านบาท เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2560 โดยกองทัพเรือได้ลงนามในสัญญาจัดซื้อจัดจ้างในประเทศจีนเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2560 และได้มีการตัดแผ่นเหล็กเรือไปเมื่อ 4 กันยายน 2561 คาดว่าจะส่งมอบเรือดำน้ำลำแรกได้ในช่วงกลางปี 2566
ขณะที่ก่อนหน้านี้มีรายงานข่าวว่า กองทัพเรืออาจต้องชะลอเรือดำน้ำล็อต 2 ไว้ก่อน เนื่องจากเมื่อช่วงกันยายนที่ผ่านมา กองทัพเรือได้จัดซื้อเรื่องยกพลขึ้นบก (Landing Platform Dock :LPD) จากจีน งบประมาณ 6.1 พันล้านบาท ซึ่งเป็นงบประมาณผูกพัน 7 ปีตัวเดียวกับที่ใช้ซื้อเรือดำน้ำ
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า