ฉากชูป้ายกลางถนนฌ็องเซลิเซที่เขียนว่า “ใครคิดถึงบ้านปรบมือ” คงกลายเป็นซีนไอคอนของวงการหนังไทยที่ดูกี่ครั้งก็รู้สึกอบอุ่นไม่มีเบื่อ โดยเบื้องหลังการถ่ายทำ ผู้คนที่ปรบมือบนถนนหลายคนล้วนเป็นคนไทยจริงๆ ซึ่งอาศัยอยู่ในฝรั่งเศส นับเป็นภาพน่าประทับใจและทำให้ หนีตามกาลิเลโอ กลายเป็นภาพยนตร์โรแมนติกดราม่าที่ใครหลายคนชื่นชอบ ด้วยเนื้อหาที่อบอวลไปด้วยการผจญภัย เสียงหัวเราะ น้ำตา และความรู้สึกเติบโตในจิตใจที่มีพร้อมไปกับตัวละคร
หนีตามกาลิเลโอ เข้าฉายเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2552 โดยเป็นผลงานการกำกับฉายเดี่ยวเรื่องที่ 2 ของ ต้น-นิธิวัฒน์ ธราธร หลังฝากผลงานสุดซึ้งเรียกน้ำตาอย่าง Season Change เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ไว้ในปี 2549 โดยยังควบตำแหน่งเขียนบทร่วมกับ โสภณา เชาว์วิวัฒน์กุล และได้สองนักแสดงสาวดาวรุ่งอย่าง ต่าย-ชุติมา ทีปะนาถ และ เต้ย-จรินทร์พร จุนเกียรติ มารับบท เชอร์รี่และนุ่น สองสาวเพื่อนซี้ที่พร้อมใจหนีไปใช้ชีวิตต่างประเทศด้วยกัน สมทบด้วย เรย์ แมคโดนัลด์, ธนากร ชินกูล, วงศกร รัศมิทัต, จิราวัฒน์ วชิรศรัณย์ภัทร, ชำนิ ทิพย์มณี และ กันต์ ชุณหวัตร
ภาพยนตร์ได้รับเสียงตอบรับอย่างดี โดยทำรายได้ไป 30.34 ล้านบาท พร้อมคำชื่นชมในเรื่องบทที่นำเสนอประเด็นการเติบโตและเปลี่ยนผ่านของชีวิตวัยรุ่น ผนวกกับความลงตัวของนักแสดงนำ ทั้งต่าย เต้ย และเรย์ ซึ่งล้วนเป็นองค์ประกอบที่ทำให้หนังเรื่องนี้ออกมาเป็นผลงานคุณภาพ แม้จะต้องถ่ายทำในสภาวะเงื่อนไขที่จำกัด ทั้งสถานที่ถึง 3 แห่ง ได้แก่ ลอนดอน, ปารีส และเวนิส ไปจนถึงขีดจำกัดด้านเวลาที่กำหนดให้ถ่ายทำเสร็จสิ้นภายใน 60 วัน
หนีตามกาลิเลโอ พูดถึง เชอร์รี่และนุ่น สองสาวเพื่อนซี้ที่ประสบปัญหาชีวิตแตกต่างกัน เริ่มจากเชอร์รี่ซึ่งถูกพักการเรียน 1 ปี หลังปลอมลายเซ็นอาจารย์ เพื่อเข้าใช้ห้องเขียนแบบ และนุ่นผู้อกหักจากความสัมพันธ์ เนื่องจากเธอล่วงล้ำพื้นที่ของแฟนมากเกินไป ทั้งสองจึงตัดสินใจเดินทางไปลองใช้ชีวิตต่างประเทศพักหนึ่ง เพื่อหวังจะเยียวยาตัวเอง ก่อนจะได้พบว่า การหลบหนีนั้นไม่ใช่ทางออกเสมอไป
ภาพ: @Dear Galileo (หนีตามกาลิเลโอ) / Facebook