เมื่อไรเราจะได้ไปเที่ยวสวนสนุกดรีมเวิลด์กันเหรอครับ/ค่ะ?
คือหนึ่งในคำถามคลาสสิกที่ผู้ปกครองต้องเคยได้ยินอยู่บ่อยๆ ในวันที่เทคโนโลยียังไม่พัฒนา ความสุข และความสนุก ไม่ได้จำกัดอยู่แค่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือ
การได้ไปใช้ชีวิตใน ‘ดินแดนแห่งความฝัน’ ที่ชื่อ ‘ดรีมเวิลด์’ หนึ่งในความฝันและความสุขที่ทำให้เด็กๆ หลายคนตาเป็นประกาย เมื่อได้ยินชื่อสวนสนุกดรีมเวิลด์
ดรีมเวิลด์คือการขยายจักรวาลต่อจาก ‘แดนเนรมิต’ สวนสนุกในตำนานของตระกูลกิติพราภรณ์ โดยเนรมิตเนื้อที่ 160 ไร่ บริเวณคลองสาม รังสิต-นครนายก ให้กลายเป็นสวนสนุกแห่งใหม่ เต็มไปด้วยเครื่องเล่นที่ทั้งอบอุ่น สนุก หวาดเสียว กว่า 10 ชนิด ที่มีคนเข้าไปใช้บริการจำนวนมาก ตั้งแต่เปิดให้บริการวันแรกในวันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2536
โดยมีเครื่องเล่นอย่าง รถไฟคุณปู่, เฮอริเคน, แกรนด์แคนยอน, พรมวิเศษ, รถบั๊ม, แรปเตอร์, บ้านผีสิง, บ้านยักษ์, โชว์สัตว์แสนรู้, การแสดงฮอลลีวูดแอ็กชัน และการสร้าง ‘เมืองหิมะ’ ขึ้นมาเป็นครั้งแรกในประเทศไทย จนกลายเป็นปรากฏการณ์ที่คนทั้งประเทศใฝ่ฝันอยากมาสัมผัสความหนาวเย็นนี้ให้ได้สักครั้งหนึ่ง
เป็น ‘เครื่องเล่น’ ในยุคบุกเบิกที่ทำให้ดรีมเวิลด์กลายเป็นดินแดนในฝันสมชื่อ ที่เป็นได้ทั้งที่พักผ่อนของครอบครัว, ที่รวมตัวแก๊งเพื่อนสุดสนุก และสถานที่นัดเดตแสนประทับใจที่น้อยคนจะกล้าปฏิเสธ
หลังจากนั้นดรีมเวิลด์ก็ยังพัฒนาตัวเอง หาเครื่องเล่นใหม่ๆ ทั้งสกายโคสเตอร์, 4D แอดเวนเจอร์, เอเลียน, ทอร์นาโด, วอเตอร์ฟัน และหมู่บ้านฮอบบิตโซนโฟโตเปีย เข้ามาเสริมทัพความสนุก ไม่หยุดอยู่กับที่
ถึงแม้ว่าปัจจุบันความนิยมในการออกมาเที่ยวสวนสนุกจะลดลงอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากยังมีความสนุกที่สะดวกสบายมากกว่ารออยู่ในห้างสรรพสินค้า, ร้านอาหารเก๋ๆ, โปรแกรมคอมพิวเตอร์ และแอปพลิเคชันในโทรศัพท์มือถือ
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่าการได้ออกไปรับแสงแดด กรี๊ดจนเสียงแหบ ยังเป็นหนึ่งใน ‘ความสนุก’ ขั้นสูงสุดในความทรงจำ ที่คิดถึงเมื่อไร ก็ยังอยากกลับไปสัมผัสให้ได้สักครั้งอยู่เหมือนเดิม