ตัวใหญ่แต่ท่วงท่าต่อสู้ทรงพลัง สวยงาม พลิ้วไหวสุดสายน้ำ คือเอกลักษณ์สำคัญที่ไม่อาจลอกเลียนแบบของ หงจินเป่า นักแสดงและผู้กำกับคิวบู๊รุ่นใหญ่ที่มีส่วนปลุกกระแสหนังฮ่องกงให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังการจากไปของซูเปอร์สตาร์แห่งวงการอย่าง บรูซ ลี
หงจินเป่า เกิดเมื่อวันที่ 7 มกราคม 1952 ที่ประเทศจีน เติบโตมาในครอบครัวที่มีคุณพ่อและคุณแม่คลุกคลีอยู่ในวงการภาพยนตร์ ทำให้เขาเริ่มมีความฝันและขอให้ที่บ้านส่งเขาไปเรียนการแสดงโดยตรงที่ China Drama Academy ตั้งแต่อายุ 9 ขวบ
แม้จะมีรูปร่างใหญ่และมีนิสัยรักการกินผิดกับนักแสดงคนอื่นๆ แต่ความสามารถของหงจินเป่านับว่าโดดเด่น และเริ่มมีผลงานการแสดงครั้งแรกตั้งแต่ช่วงนั้นจากภาพยนตร์ Education of Love (1961) และ Big and Little Wong Tin Bar (1962) ที่เขาได้ร่วมงานกับเฉินหลงเป็นครั้งแรก
พอเข้ายุค 70 หงจินเป่าเริ่มรับงานเป็นนักแสดงและสตันต์แมนในภาพยนตร์แอ็กชันอย่างเต็มตัว และมีโอกาสสร้างและแสดงร่วมกับเฉินหลงและหยวนเปียว (ตอนนี้หงจินเป่ามีผลงานแสดงและสตันต์แมนมากถึง 100 ร้อยเรื่อง) อีก 2 นักแสดงดาวรุ่งแห่งยุคในภาพยนตร์ชุด 7 เพชฌฆาตสัญชาติฮ้อ (เริ่มปี 1983), เอไกหว่า (1983), ขาตั้งสู้ (1984), สองพี่น้องตระกูลบิ๊ก (1985)
ซึ่งนับว่าเป็นผลงานที่ช่วยปลุกให้กระแสภาพยนตร์แอ็กชันฮ่องกงกลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังซบเซาไปนานหลังการเสียชีวิตของซูเปอร์สตาร์อย่าง บรูซ ลี ในปี 1973 ทำให้ทั้ง 3 คนถูกตั้งฉายาว่า ‘3 พี่น้อง’ โดยทุกคนเรียก หงจินเป่า ที่มีอายุมากที่สุดว่า ‘พี่ใหญ่’
หลังจากนั้น หงจินเป่า ก็ยังมีผลงานการแสดงออกมาเรื่อยๆ จนปัจจุบันมีเกือบ 200 เรื่องที่เขาฝากการร่ายรำคิวบู๊ที่ทรงพลังเอาไว้ นอกจากนี้เขายังมีบทบาทเป็นคนเบื้องหลังที่ทั้งกำกับ อำนวยการสร้าง ออกแบบคิวบู๊ โดยเฉพาะ ผีกัดอย่ากัดตอบ (1985) ที่ทำให้ ‘ผีดิบจีน’ โด่งดังไปทั่วโลก และมีภาคต่อตามมาอีกมากมาย