โฉนดสีขาว, บ้านและโรงแรมหลากสี, การซื้อที่ดินที่ไม่เคยเป็นอย่างใจ, แผ่นป้ายโบนัสที่ล้มละลายคือจบเกม, คุกที่ต้องติดทุกรอบ, จุดสตาร์ทกับเงินสองพัน (ที่มักจะโดนช่องเก็บภาษีดักทางก่อนเสมอ), การทอยเต๋าชวนหัวร้อน และการยักยอกเงินไม่ให้ใครเห็น ฯลฯ
คือเอกลักษณ์สำคัญใน ‘เกมเศรษฐี’ เวอร์ชันกระดาน หนึ่งในตำนานความสนุกที่ชวนให้นึกถึงบรรยากาศเก่าๆ ทุกครั้งที่ได้เล่นอยู่เสมอ
จุดเริ่มต้นของเกมเศรษฐี (Monopoly) ต้องย้อนกลับไปมากกว่าร้อยปีจาก The Landlord’s Game เกมเศรษฐศาสตร์ที่ถูกสร้างขึ้นมาในปี 1903 เพื่อใช้อธิบายทฤษฎีภาษีเดี่ยว (Single Tax) และผลเสียของการเน้นซื้อขายที่ดินแบบผูกขาดในยุคนั้น
จากรูปแบบเกมที่น่าสนใจและทำให้สนุกได้มากกว่าการให้ความรู้ที่เคร่งเครียด กลายเป็นแรงบันดาลใจให้บริษัทจัดจำหน่ายของเล่น Parker Brothers นำไปพัฒนารูปแบบระบบซื้อขาย ระบบป้ายโบนัส และลูกเล่นอื่นๆ ออกวางจำหน่ายครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 1935 จนกลายเป็นเกมเศรษฐีแบบที่เรารู้จักในปัจจุบัน
ตัวเกมได้รับความนิยมอย่างมาก โดยถูกนำไปเล่นมากกว่า 100 ประเทศทั่วโลก และจริงจังถึงขนาดเริ่มมีการแข่งขัน Monopoly World Championships เพื่อค้นหาสุดยอดเจ้าแห่งเกมเศรษฐีในปี 1973 และจัดต่อเนื่องมาเรื่อยๆ (แต่ไม่ทุกปี) อย่างในปี 2009 ที่ถึงขนาดได้ออกอากาศทางช่อง ESPN มีเงินรางวัลสูงถึง 20,580 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 600,000 บาท) งานครั้งล่าสุดจัดขึ้นในปี 2015 และเป็น นิโคโล ฟาลคอน ผู้เล่นชาวอิตาเลียน ที่ได้รับตำแหน่งสุดยอดเจ้าแห่งเกมเศรษฐีไปครอง
ตลอดระยะเวลา 84 ปี Monopoly มีการพัฒนารูปแบบการเล่นออกมาอีกหลายเวอร์ชัน (ทั้งแบบถูกลิขสิทธิ์และผิดลิขสิทธิ์) โดยส่วนมากจะเปลี่ยนชื่อเมือง ชื่อที่ดินที่ทำการซื้อขาย และอีเวนต์บนกระดานและป้ายโบนัส แต่รูปแบบการเล่นหลักจะยึดที่การจับจอง ซื้อขายที่ดิน สร้างบ้าน สร้างโรงแรม และเก็บค่าผ่านทางจากผู้เล่นคนอื่นให้ได้มากที่สุด
เวอร์ชันที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศไทยคือเกม ‘ซุปเปอร์เศรษฐี’ ที่มาในกล่องสีเหลือง-ฟ้าและขอบสีส้มเป็นเอกลักษณ์ จุดเด่นคือการวางเมืองกรุงเทพฯ ไว้ที่ช่องหมายเลข 1 และมีราคาที่ดินเพียง 600 บาท ส่วนช่องสุดท้ายหมายเลข 29 จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามภูมิภาคที่จัดจำหน่ายออกมา
นอกจากนี้ยังมีเวอร์ชันเสริมตามแต่จินตนาการของผู้ผลิตทั้ง เศรษฐีออนไลน์, เศรษฐีตะลุยแดนไดโนเสาร์, เศรษฐีใหญ่ เศรษฐีไทยแลนด์ ฯลฯ รวมทั้งการพัฒนาเป็นเกมโทรศัพท์มือถือของแอปพลิเคชัน LINE ที่เพิ่มแผนที่และลูกเล่นการวางระเบิด เผาไฟ ขัดขวางคู่ต่อสู้ด้วยสารพัดวิธี ที่ทำให้คำว่า ‘สร้างแลนมาร์ก’ แพร่ระบาดไปทั่วบ้านทั่วเมืองอยู่พักใหญ่
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าต่อให้เทคโนโลยี ลูกเล่น และภาพกราฟิกสวยงามจะพัฒนาไปมากขนาดไหนก็ไม่สามารถทดแทนความรู้สึกที่ได้ทอยลูกเต๋า วางบ้าน วางโรงแรม และรอลุ้นให้เพื่อนมาตกและมีปฏิสัมพันธ์กันแบบต่อหน้าต่อตานั้นยังเป็นความทรงจำและช่วงเวลามีค่าที่ไม่มีอะไรมาทดแทนได้จริงๆ