ในที่สุด Disney+ Hotstar ก็พร้อมให้บริการแล้วในวันนี้ (30 มิถุนายน) หลังจากที่รอคอยกันมานาน แน่นอนว่าคอนเทนต์หลักที่แฟนๆ รอคอย ทั้งงานภาพยนตร์ แอนิเมชัน และซีรีส์ ทั้งใหม่และเก่าจากเครือ Walt Disney Studios, Pixar, Lucasfilm, Marvel Studios ที่ตั้งแถวจัดขบวนมากันครบ THE STANDARD POP ถือโอกาสนี้อุ่นเครื่องต้อนรับ เตรียมกดรีโมตวนๆ ด้วยการพาไปย้อนกลับไปชมผลงานที่หลายคนชื่นชอบ ซึ่งในเวลานี้พร้อมกลับมาให้เราได้ชมถึงบ้านอีกครั้งแล้ว
หลังจากเรื่องราวการต่อสู้ระหว่าง ที’ชัลลา (แชดวิก โบสแมน) และ อีริค คิลมองเกอร์ (ไมเคิล บี จอร์แดน) สิ้นสุดลง ที’ชัลลา จึงเข้าใจว่าผู้ที่สร้างปีศาจแห่งความแค้นอย่างอีริคขึ้นมาไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นพ่อของเขาและเหล่าบรรพชนคนรุ่นก่อนที่เลือกจะหันหลังให้กับอีริคและคนทั้งโลก เพื่อปกปิดความลับของแร่ไวเบรเนียมและเทคโนโลยีล้ำยุคของวากานดาไว้
เพื่อแก้ไขความผิดพลาดที่เหล่าบรรพชนต่างเมินเฉย ที’ชัลลา จึงเลือกที่จะเผชิญหน้ากับความจริง ด้วยการเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของวากานดา พร้อมกับแบ่งปันเทคโนโลยีล้ำยุคให้แก่โลก เพื่อไม่ให้มีใครต้องถูกทิ้งไว้ด้านหลังเช่นเดียวกับอีริคอีกต่อไป
“ในภาวะวิกฤต คนฉลาดสร้างสะพาน ขณะที่คนเขลาสร้างกำแพง มนุษย์ต้องหาวิถีทางเอื้อเฟื้อดูแลกันและกัน ให้เหมือนราวกับว่าเป็นชนเผ่าเดียวกัน”
ฉากท้ายเครดิตสั้นๆ ฉากนี้ นับว่าเป็นอีกหนึ่งฉากสำคัญของ Black Panther (2018) ที่แสดงภาวะความเป็นผู้นำของที’ชัลลา ให้ผู้ชมได้สัมผัส โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือการเผชิญหน้ากับ ‘ความจริง’ ที่ว่ายังมีผู้คนอีกมากมายที่กำลังเลือดร้อนและเฝ้ารอความช่วยเหลือของวากานดา มากกว่าจะยึดติดกับความสงบสุข ‘จอมปลอม’ ที่เหล่าบรรพชนต่างพยายามรักษาไว้
เพราะผู้นำที่เลือกจะสร้างกำแพงหนาขึ้นมาเพื่อปิดกั้น ‘ความจริง’ ย่อมไม่ต่างจากผู้นำที่ปิดกั้น ‘เสียง’ ของประชาชนที่พยายามชี้ให้ผู้นำของพวกเขาเห็นว่ายังมีผู้คนอีกมากมายที่กำลังถูกทิ้งไว้ด้านหลัง
THE STANDARD POP ต้อนรับการมาถึงของ Disney+ Hotstar ซึ่งเราก็เชื่อว่าผลงานจากฝั่ง Marvel Studios จะเป็นอีกหนึ่งคอนเทนต์ที่หลายคนรอคอยจะได้ชมมากที่สุด โดยเฉพาะแฟน Black Panther ที่เราจะได้ย้อนกลับไปชมผลงานอันยอดเยี่ยมของ แชดวิก โบสแมน กันอีกครั้ง
เรื่อง: สุพัฒน์ ศิวะพรพันธ์
ภาพ: Black Panther (2018) / IMDb
“Well well well”
ประโยคสุดคลาสสิกที่ใครได้ยินก็ต้องนึกถึงตัวละครวายร้ายในตำนานของดิสนีย์อย่างมาเลฟิเซนต์ทันที ภาพจำของเธอคือนางฟ้าใจร้ายอำมหิตและโหดเหี้ยม ไม่ต่างกับวายร้ายในเรื่องอื่นๆ ของดิสนีย์
แต่แน่นอนว่าทุกความร้ายกาจย่อมมีที่มาที่ไป ความร้ายกาจของมาเลฟิเซนต์เองก็เช่นกัน ผู้ชมได้รับรู้เรื่องราวของเธอมากขึ้นผ่านภาพยนตร์ไลฟ์แอ็กชันที่นำเสนอเรื่องราวในมุมที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน จนทำให้มาเลฟิเซนต์กลายเป็นวายร้ายที่แฟนดิสนีย์ทุกคนต่างหลงรัก
เรื่องราวในไลฟ์แอ็กชันภาค 2 Maleficent: Mistress of Evil ยิ่งทำให้เราเห็นว่าแท้จริงแล้วมาเลฟิเซนต์มีจิตใจที่งดงามและเป็นแม่ที่คอยปกป้องลูกสาวอย่างออโรรา ด้วยใจบริสุทธิ์ แต่เพราะภาพลักษณ์ที่ดูน่ากลัวของเธอและเรื่องราวเล่าขานที่ว่าเธอทำให้ออโรรากลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา ราชินีอิงกริธที่หวังกำจัดเธอจึงนำสิ่งนี้มาเป็นเครื่องมือ
เธอสร้างความหวาดกลัวให้ประชาชน ปล่อยข่าวลือต่างๆ ว่ามาเลฟิเซนต์คือนางฟ้าจิตใจอำมหิตโหดเหี้ยมที่ประสงค์ร้ายกับประชาชนในอาณาจักร ประชาชนจึงต่างหวาดกลัวและร่วมมือกันเพื่อกำจัดมาเลฟิเซนต์ตามแผนของราชินีอิงกริธ
ในสถานการณ์ที่อ่อนไหว ข่าวลือที่สร้างความหวาดกลัวและเกลียดชังมักได้ผลเสมอ สุดท้ายประชาชนก็เป็นหมากตัวหนึ่งของผู้นำที่หวังดีแต่ประสงค์ร้าย และคิดหวังเพียงนำประโยชน์เข้าตนเองเท่านั้น
THE STANDARD POP ต้อนรับการมาถึงของ Disney+ Hotstar และแน่นอนว่าแฟนดิสนีย์สามารถย้อนชมเรื่องราวของมาเลฟิเซนต์ รวมไปถึงคอนเทนต์อื่นๆ ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ (30 มิถุนายน)
เรื่อง: เกศสิริ ขาวเผือก
พลทหารที่ชูสองนิ้วแสนคลาสสิกในฉากเปิดของ Iron Man (2008) คือคนหนุ่มที่เสียชีวิตด้วยห่ากระสุนเพียงไม่กี่วินาทีถัดมาหลังจากขอถ่ายรูปกับ โทนี สตาร์ก (โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์) นายทุนเจ้าของบริษัทอาวุธสงครามที่เชื่อว่าอาวุธเหล่านี้ได้ช่วยปกป้องประเทศชาติและพิทักษ์สันติภาพเอาไว้
แต่แล้ววันหนึ่งก็เกิดจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ เมื่อโทนีเห็นคนที่ต้องเสียสละชีวิตให้ตัวเขาด้วยการต้องแลกกับวินาทีเฉียดเป็นเฉียดตายด้วยตาตัวเอง วินาทีนั้นเองที่ชายหนุ่มอัจฉริยะผู้สืบทอดธุรกิจอาวุธสงครามล้ำสมัยจาก ‘สตาร์ก’ รุ่นพ่อ ได้ ‘สำนึก’ ว่าอาวุธสงครามจากบริษัทของเขาเป็นสิ่งที่ทำร้ายและพรากชีวิตคนบริสุทธิ์ไปมากมาย และทำให้โทนีตัดสินใจล้มเลิกการผลิตอาวุธมาเป็นชุดเกราะเหล็กที่มีหน้าที่ช่วยเหลือผู้คนจากภัยอันตราย ถือกำเนิดเป็นไอรอนแมน ฮีโร่ผู้เริ่มต้นจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล
นับจากนั้นการชูสองนิ้วของ โทนี สตาร์ก และคำว่า ‘สันติภาพ’ ก็ถูกแสดงให้เห็นมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ฉากที่รอดพ้นจากการถูกผู้ก่อการร้ายจับเป็นตัวประกัน หรือในชั้นศาลที่เขาประกาศตัวเป็นเสาหลักให้สันติภาพโลก ไม่สยบยอมมอบชุดเกราะให้กับรัฐบาลซึ่งไร้น้ำยาในการทำหน้าที่รับมือกับภัยคุกคาม
และอีกหลายต่อหลายครั้ง จนกระทั่งถึง Avengers: Endgame (2019) เมื่อโทนีตัดสินใจกลับมาร่วมทีมอเวนเจอร์สเพื่อเดินทางข้ามเวลาย้อนไปแก้ไขอดีต โดยเขาคืนโล่ให้กัปตันอเมริกา (คริส อีแวนส์) พร้อมพูดว่า “ไมตรีเพื่อสันติ” ตอกย้ำว่าสุดท้ายสิ่งที่เขาต้องการก็คือสันติภาพจริงๆ แม้จะต้องเสี่ยงไม่มีโอกาสได้กลับมาเจอครอบครัวอีกครั้ง
โทนีได้พิสูจน์ด้วยการเป็นฮีโร่อีกคนที่ยอมเสียสละหนึ่งชีวิตของตัวเองเพื่อช่วยเหลือชีวิตครึ่งหนึ่งที่ถูกทำให้สลายสิ้นไปโดย ธานอส (จอช โบรลิน) ผู้ตั้งตนใช้อำนาจดีดนิ้วสุ่มฆ่าสิ่งมีชีวิตเพื่อความ ‘สงบสุข’ ของจักรวาล
ไม่ว่าคำนิยามของสันติภาพหรือความสงบสุขของแต่ละคนจะเป็นอย่างไร และทำได้จริงอย่างที่ว่าแค่ไหน แต่สุดท้ายแล้วการเสียสละครั้งยิ่งใหญ่ของ โทนี สตาร์ก ก็ได้ทำให้ชีวิตครึ่งจักรวาลที่ถูกบังคับให้สูญหายไปถึง 5 ปี ได้กลับคืนมาหาครอบครัวและคนรักของพวกเขาเหมือนเดิมอีกครั้ง เป็นการปิดฉากการเดินทางของฮีโร่อย่างไอรอนแมนตลอดระยะเวลา 11 ปี ลงอย่างงดงาม
เรื่อง: หทัยธาร ฉัตรเลิศมงคล
หนึ่งในประโยคของราฟิกิที่หลายคนประทับใจจากแอนิเมชันเรื่อง The Lion King ซึ่งเป็นแอนิเมชันในดวงใจของแฟนดิสนีย์ทั่วโลก เล่าเรื่องราวของ ซิมบ้า ลูกสิงโตจากแดนทรนงที่โดน สการ์ ผู้เป็นอา วางแผนแย่งตำแหน่งราชาด้วยการฆ่า มูฟาซา พ่อของเขา และเนรเทศซิมบ้าออกจากแดนทรนง ซิมบ้าจึงต้องใช้ชีวิตเร่รอนไปกับ ทีโมน และ พุมบ้า เพราะไม่กล้ากลับไปยังแดนทรนง ด้วยความรู้สึกผิดที่เข้าใจว่าตัวเองทำให้พ่อต้องตาย
จนวันหนึ่ง ราฟิกิ ลิงที่เปรียบเสมือนหมอผีของแดนทรนง ได้พูดเตือนสติซิมบ้าว่า “อดีตมันเจ็บปวด แต่มีทางเลือกนี่ เลือกที่จะวิ่งหนีจากมันหรือเรียนรู้จากมัน” สุดท้ายเขาจึงได้สติและรู้ว่าการเอาแต่วิ่งหนีปัญหาไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น กลับกัน การละทิ้งแดนทรนงมาเช่นนี้ทำให้สการ์ยิ่งปกครองแดนทรนงอย่างไม่ถูกต้อง จนดินแดนที่เคยอุดมสมบูรณ์กลับแห้งแล้ง สัตว์ป่าอดอยากล้มตายเป็นจำนวนมาก ซิมบ้าจึงตัดสินใจลุกขึ้นต่อสู้กับสการ์ และทวงคืนแดนทรนงกลับมาในที่สุด
ประโยคของราฟิกิประโยคนี้ไม่เพียงเตือนสติซิมบ้าเท่านั้น แต่ยังเตือนใจผู้ชมทุกคนให้เรียนรู้จากความผิดพลาดในอดีต และกล้าจะเผชิญหน้ากับปัญหาอย่างที่ซิมบ้าทำ
เรื่อง: เกศสิริ ขาวเผือก
ภาพ: Walt Disney