หากสงสัยว่าหนังรักธรรมดาจะนำเสนอออกมาให้ล้ำได้สักแค่ไหน Eternal Sunshine of the Spotless Mind คงเป็นหนึ่งในคำตอบที่ดีอันดับต้นๆ เพราะไม่เพียงเป็นการนำองค์ประกอบของหนังไซไฟมาผสมกับความโรแมนติกได้อย่างลงตัว แต่ยังเป็นภาพยนตร์ที่ยกย่องในเรื่องบทอันแสนเก๋และชาญฉลาด ที่เชื่อมโยงหลากหลายประเด็นทั้งจิตวิทยา ความทรงจำ การเล่าเรื่องแบบไม่เป็นเส้นตรง รวมเข้าด้วยกันเพื่อนำเสนอและพาคนดูไปสู่คอนเซปต์ง่ายๆ ของความรัก ที่ทุกคนสามารถสัมผัสได้จริงในชีวิตประจำวัน
ภาพยนตร์เข้าฉายเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2004 กำกับโดย มิเชล กอนดรี และได้มือเขียนบทสุดแนวอย่าง ชาร์ลี คอฟแมน ที่เคยฝากผลงานน่ายกย่องไว้อย่าง Being John Malkovich (1999) และ Adaptation (2002) มารับหน้าที่เรียบเรียงบท พร้อมได้สองนักแสดงนำ ซึ่งเผินๆ อาจมองไม่ออกว่าเคมีตรงกันสักเท่าไรอย่าง จิม แคร์รีย์ และ เคต วินสเลต แต่พอได้รับชมก็จะพบว่าคู่นี้เหมาะสมกันอย่างไม่น่าเชื่อ
ตัวหนังเล่าเรื่องราว โจเอล แบริช ผู้อกหักหลังพบว่าแฟนสาวอย่าง คลีเมนไทน์ ตัดสินใจลบเขาออกจากความทรงจำ ด้วยความโมโหและเสียใจ โจเอล จึงเลือกทำในสิ่งเดียวกัน โดยต้องการลบคลีเมนไทน์ออกไปจากหัวเขาบ้าง อย่างไรก็ตามในระหว่างขั้นตอน โจเอลเห็นภาพความทรงจำที่ทั้งสองมีร่วมกันก่อนจะตระหนักได้ว่าเขายังรักเธออยู่ โจเอลจึงต้องพยายามหาทางยกเลิกการล้างความทรงจำนี้ก่อนที่ทุกอย่างจะสายไป
Eternal Sunshine of the Spotless Mind ทำรายได้ทั่วโลกไปกว่า 72 ล้านเหรียญสหรัฐ จากทุนสร้าง 20 ล้านเหรียญสหรัฐ และยังได้รับเสียงวิจารณ์แง่บวกอย่างล้นหลาม โดยหลายสำนักต่างยกให้เป็นหนึ่งในหนังที่ยอดเยี่ยมที่สุดแห่งศตวรรษที่ 21 นอกจากนี้ยังถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ในสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม (เคต วินสเลต) และชนะเลิศในสาขาบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม (ชาร์ลี คอฟแมน)
